– มูลค่าเงินสดปันผล (ก่อนภาษี) คิดเป็นจำนวนประมาณ 1.384 พันล้านหยวน
ZTE Corporation ( 0763.HK / 000063.SZ ) ผู้ให้บริการรายใหญ่ของโลกด้านโซลูชั่นโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมือถือสำหรับองค์กรและผู้บริโภค รายงานรายได้ทั้งปี 2560 ที่ระดับ 1.0882 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.5% จากปีก่อนหน้า โดยได้อานิสงส์จากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเครือข่ายโทรคมนาคมโดยบรรดาผู้ประกอบการเครือข่ายทั่วโลก ประกอบกับการเติบโตในธุรกิจคอนซูเมอร์ของบริษัท รวมไปถึงตลาดภาครัฐและองค์กรธุรกิจ
รายงานงบการเงินซึ่งเผยแพร่โดย ZTE ระบุว่า กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในงวดปี 2560 อยู่ที่ 4.57 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 293.8% กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 1.09 หยวน ขณะที่อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อส่วนผู้ถือหุ้นเท่ากับ 15.7% โตขึ้น 24.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บริษัทเสนอจัดสรรกำไรประจำปี 2560 เป็นเงินสดปันผลในอัตรา 3.3 หยวน (ก่อนภาษี) ต่อทุก ๆ 10 หุ้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1.384 พันล้านหยวน (ก่อนภาษี) คิดเป็น 30.29% ของกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในปี 2560 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในประวัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรของบริษัท
ในปี 2560 บริษัทได้ปรับปรุงกระแสเงินสดและการจัดการการจัดเก็บรายได้จากการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานประจำปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 7.22 พันล้านหยวน ซึ่งโตขึ้นราว 37.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายด้าน R&D ของ ZTE เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.296 หมื่นล้านหยวนในปี 2560 คิดเป็นสัดส่วน 11.9% ของรายได้
ในปีที่ 2560 ที่ผ่านมา ZTE เติบโตขึ้นอย่างมากในทั้งสามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Carrier Networks, Consumer Business และ Government – Enterprise Business โดยสามารถทำรายได้ 6.378 หมื่นล้านหยวน 3.521 หมื่นล้านหยวน และ 9.83 พันล้านหยวน ตามลำดับ
ZTE มีรายได้จากการดำเนินงาน 6.196 หมื่นล้านหยวนจากตลาดภายในประเทศ และ 4.686 หมื่นล้านหยวนจากตลาดต่างประเทศ ในช่วงปีที่ผ่านมา
ในปี 2560 บริษัทได้มุ่งความสนใจไปที่โซลูชั่น 5G ครบวงจร และทุ่มลงทุนอย่างเต็มที่ในการยกระดับมาตรฐาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการพิสูจน์ความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ โดย ZTE ได้จัดตั้งทีม R&D เพื่อทำการวิจัยและพัฒนา 5G ซึ่งปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญร่วมทีมมากกว่า 4,500 คน ครอบคลุมสายงานตั้งแต่การเชื่อมต่อ เครือข่าย บริการ และอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อความเป็นผู้นำของ ZTE ในสามด้าน ได้แก่ เทคโนโลยี 5G, การใช้งานเชิงพาณิชย์ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
สำหรับความคืบหน้าในการผลักดันการใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ในอนาคตนั้น ZTE ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ZTE ทำลายสถิติหลายรายการในระหว่างการทดสอบระบบ 5G ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ในประเทศจีน และกำลังเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการทดสอบในระยะที่ 3 นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกับ China Mobile และ Qualcomm ทำให้ ZTE ประสบความสำเร็จในการพัฒนา end-to-end 5G New Radio (NR) Interoperability Data Testing (IoDT) ระบบแรกของโลกตามมาตรฐาน 5G NR ล่าสุดของ 3GPP ขณะเดียวกัน ZTE ได้จับมือกับ Intel เปิดตัวโซลูชั่น SDN/NFV virtualization-based 5G RAN ตัวแรกของโลก เพื่อรองรับการใช้ 5G เชิงพาณิชย์เป็นหลัก นอกจากนี้ ZTE ยังได้ออกโซลูชั่น Common Core ที่รองรับเทคโนโลยี 2/3/4/5G แบบครบวงจร ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมเชิงบริการ (service-based architecture – SBA) R15 ของ 3GPP อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2560 ทาง ZTE ได้ทำการทดสอบ NFV ไปแล้วกว่า 320 ครั้งทั่วโลก ซึ่งเป็นการวางพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาเครือข่ายหลัก 5G และการใช้งานเชิงพาณิชย์ในอนาคต ปัจจุบัน ZTE เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้ประกอบการเครือข่ายกว่า 20 รายทั่วโลก เพื่อร่วมกันพิสูจน์ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี 5G เพื่อเร่งผลักดันการติดตั้งใช้งานเครือข่าย 5G ในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ในส่วนของแวดวงการสื่อสารผ่านเครือข่ายและแบบออปติกที่รองรับการใช้งาน 5G ในเชิงพาณิชย์นั้น ZTE เป็นผู้นำในการเปิดตัวโซลูชั่น 5G Flexhaul และอุปกรณ์สำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย 5G นอกจากนี้ ZTE ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม ZXCTN 6700 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเรือธงในด้านการส่งข้อมูลระดับ T-level โดยมีสมรรถนะสูงสุดในอุตสาหกรรม ZTE ได้ทำการทดสอบผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ร่วมกับ Telefonica, China Mobile และพันธมิตรรายอื่น ๆ ซึ่งปรากฏว่าผลการทดสอบทั้งหมดล้วนเป็นไปตามความคาดหมายของบรรดาพันธมิตร ZTE ครองอันดับ 2 ของโลกในด้านการสื่อสารด้วยแสง โดยเป็นรายแรกที่เปิดตัวแพลตฟอร์ม next-generation 256T ultra-large-capacity cross-connect ที่ใช้เทคโนโลยีตัวนำคลื่นที่สัญญานแสงสามารถเดินทางผ่านได้ ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการที่มีอยู่สูงในเรื่องของการส่งสัญญาณออปติกแบบ 5G ด้วยเครื่องมือของผู้ให้บริการสัญญาณ นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นพันธมิตรกับ velcom เพื่อสร้างเครือข่าย SDN based end-to-end IP+Optical ที่มีความยืดหยุ่นและครบวงจร และได้ช่วย Telefonica Mexico Movistar สร้างเครือข่ายการส่งข้อมูลผ่านระบบออปติก 100G ได้สำเร็จ ขณะที่ TITAN ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเรือธงสำหรับการเชื่อมต่อเข้ากับระบบออปติกของ ZTE นั้น มีความสามารถในการสับเปลี่ยนสัญญาณดีกว่าระดับความสามารถปัจจุบันของอุตสาหกรรมถึงสี่เท่า อีกทั้งยังรองรับผู้ให้บริการเครือข่าย 5G และสามารถรวมเข้ากับระบบการสื่อสารทั้งแบบเคลื่อนที่และพื้นฐาน ZTE เป็นที่ 1 ในด้านส่วนแบ่งการตลาด 10G PON และจัดส่งกล่อง IPTV มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ CDN แบบครบวงจรอีกด้วย
ZTE อุทิศตนให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ ชิป คลาวด์คอมพิวติ้ง และบิ๊กดาต้า บริษัทได้ทำการวิจัยและพัฒนาชิปดิจิทัล IF และชิปซอฟต์เบสแบนด์แบบมัลติโหมดคุณภาพสูงโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง 7nm นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศพัฒนาชิป IoT ตามมาตรฐาน NB-IoT เป็นครั้งแรกของจีน รวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นจอดรถอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยี NB-IoT ซึ่งได้รับรางวัล GLOMO สาขา Best Mobile Service for the Connected Life จากงาน Mobile World Congress 2018 ทั้งนี้ ZTE ได้ทดสอบและสาธิตการใช้งาน NB-IoT ร่วมกับผู้ให้บริการหลายรายจากทั่วโลก
ในส่วนของการดำเนินธุรกิจ Enterprise Business ในประเทศนั้น ผลิตภัณฑ์หลักสำหรับตลาดการเงินของ ZTE ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากธนาคารของรัฐ และในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ GSM-R ก็สามารถเจาะเข้าสู่ตลาดรถไฟแบบ C3 ได้อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้บรอดแบรนด์จากอากาศสู่ภาคพื้น บรอดแบรนด์เชื่อมโยงด้านการศึกษา ตลอดจนโครงการบรอดแบรนด์อื่น ๆ ของบริษัทก็มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในตลาดระดับไฮเอนด์ทั่วโลก
สำหรับธุรกิจ Consumer นั้น ZTE มุ่งความสนใจไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า ตลอดจนการเปิดตัว Gigabit Phone รุ่นแรกของโลก รวมถึงผลิตภัณฑ์เกตเวย์ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระดับ 2 กิกะบิต ซึ่งทำให้ ZTE สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในด้านการใช้งานเทอร์มินัลกิกะบิตเชิงพาณิชย์ได้เป็นผลสำเร็จ และยิ่งไปกว่านั้น ZTE ยังได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ZTE Axon M ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนพับได้แบบสองหน้าจอ ร่วมกับบริษัท AT&T ในสหรัฐ และ NTT DOCOMO ในญี่ปุ่น ส่วนในประเทศจีน ZTE ยังคงเน้นไปที่ตลาดดอุตสาหกรรมและผู้ให้บริการเครือข่าย โดย ZTE Secure Phones ทำยอดขายได้เป็นจำนวนมากในหลายมณฑลและหลายเมืองทั่วประเทศ อีกทั้งยังสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับวงการศาลและกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ในตลาดต่างประเทศนั้น ZTE ยังคงให้ความสำคัญกับประเทศหลัก ๆ ด้วยการเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ZTE Mobile Devices ติดท็อป 5 ส่วนแบ่งตลาดสูงสุดใน 6 ตลาดหลักของโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 4 ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก อันดับที่ 5 ในสเปนและรัสเซีย และอันดับ 3 ในออสเตรเลีย
ในปี 2560 ทาง ZTE ได้เดินหน้าพัฒนาระบบควบคุมตรวจสอบภายในของบริษัท ด้วยการสร้างและปรับปรุงกลไกลและกระบวนการทำงาน ตลอดจนเสริมสร้างสำนึกความรับผิดชอบเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับในปี 2561 นี้ บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าตามกลยุทธ์ “2020 Strategy” โดยบริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีหลัก และเพิ่มการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา 5G รวมถึงผลิตภัณฑ์หลักอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท บริษัทจะพยายามอย่างแน่วแน่ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและยกระดับสถานะในตลาดโลก ด้วยการคว้าโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและภูมิทัศน์ที่เกิดขึ้นในตลาดการสื่อสารทั่วโลก โดยทีมงานมากความสามารถ ตลอดจนการปรับปรุงการบริหารงานภายในองค์กร ผ่านทางการควบคุมและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวดมากขึ้นนั้น จะช่วยให้บริษัทมีความพร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างรอบคอบและยั่งยืนต่อไป
เกี่ยวกับ ZTE
ZTE เป็นผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมขั้นสูง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับองค์กร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ZTE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมแบบบูรณาการครบวงจรให้แก่ลูกค้าตามนโยบายของบริษัท เพื่อมอบคุณค่าและความเป็นเลิศในยุคที่เทคโนโลยีโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ZTE จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 0763.HK / รหัสหุ้นในตลาดเซินเจิ้น: 000063.SZ ) บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 500 ราย ในกว่า 160 ประเทศ ในแต่ละปี ZTE จัดสรรเงินรายได้ 10% ให้กับการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำในองค์กรกำหนดมาตรฐานระดับโลก ทั้งนี้ ZTE ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zte.com.cn
สื่อมวลชนติดต่อ:
Margaret Ma
ZTE Corporation
โทร: +86 755 26775189
อีเมล: ma.gaili@zte.com.cn