องค์กร OMFIF ได้เผยแพร่รายงาน “Global Public Investor 2018” ฉบับที่ 5 ในเอเชีย และในโอกาสนี้ บริษัทบล็อกเชนไฮบริด XinFin ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลาง ธนาคารเพื่อการพัฒนา กองทุนบำเหน็จบำนาญ และบริษัทประกัน ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือเพื่ออุดช่องว่างด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงถึง 15 ล้านล้านดอลลาร์
(โลโก้: https://mma.prnewswire.com/media/627518/XinFin_Logo.jpg )
(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/727631/Joseph_TradeFinex_IAC_Sandbox_Launch.jpg )
Joseph Appalsamy ประธานฝ่ายการพัฒนาธุรกิจของ XinFin ได้กล่าวถึงประโยชน์ของบล็อกเชนที่มีต่อกลุ่มความร่วมมือว่า “มีนักลงทุนกลุ่ม Global Public Investors (GPI) เพียง 25% ที่ลงทุนในโครงการขั้นต้น เนื่องจากเหตุผลด้านความเสี่ยง สำหรับคำถามว่าที่ว่าบล็อกเชนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการระดมทุนได้หรือไม่ บล็อกเชนจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมได้หรือไม่ บล็อกเชนจะช่วยให้กระบวนการต่างๆเป็นไปอย่างอัตโนมัติและราบรื่นได้หรือไม่ บล็อกเชนจะช่วยเตรียมข้อมูลประสิทธิภาพของสินทรัพย์แบบเรียลไทม์ได้หรือไม่ หรือบล็อกเชนจะช่วยในการแลกเปลี่ยนได้หรือไม่นั้น คำตอบคือได้อย่างแน่นอน”
XinFin ยืนยันว่า การแปลงสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพด้วยเทคโนโลยี tokenization จะเปิดทางให้สถาบันต่างๆ สามารถนำสินเชื่อบางส่วนที่ปลอดความเสี่ยงออกมาขายให้กับบริษัทประกันที่ต้องการอัตราผลตอบแทนระดับสาธารณูปโภค
XinFin เสนอกับบรรดานักลงทุนกลุ่ม GPI ว่า แม้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ แต่ก็ควรมีการนำมาใช้ในกลุ่มความร่วมมือ เพื่อสร้างมาตรฐานของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (IAC) โดยใช้เทคโนโลยี tokenization ในสภาพแวดล้อมแบบ sandbox จึงเรียกโครงการนี้ว่า “Project Sandbox” ทั้งนี้ GPI ที่สนใจเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tradefinex.org/publicv/partnership และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลกนี้
Atul Khekade ประธานฝ่ายการพัฒนาระบบนิเวศ กล่าวว่า “การนำโทเคน ERC-721 และ DLT มาใช้กับ XDC Protocol เปิดทางให้นักลงทุนสถาบันสามารถระดมทุนเพื่อเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่บางส่วน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มสภาพคล่อง นักลงทุนรายใหญ่สามารถกระจายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหลายๆโครงการ ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเองก็สามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งอาจเคยเป็นโครงการที่ใหญ่เกินกว่ากำลังของตนเอง”
กลุ่มความร่วมมือ TradeFinex IAC มีเป้าหมายที่จะพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด พร้อมสร้างมาตรฐานให้กับเครื่องมือทางการเงินต่างๆ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายและกรอบการทำงานที่เหมาะสม
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ XinFin ได้หารือกับธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ XinFin ให้ความสนใจ เพื่อพิสูจน์แนวคิดบล็อกเชนแบบ Proof of stake ที่แสดงให้เห็นว่า การทำเหมืองขุดเงินดิจิทัลแบบใช้พลังงานสูงไม่จำเป็นสำหรับบล็อกเชนไฮบริดระดับองค์กรอีกต่อไป ส่งผลให้กลายเป็น “กรีนบล็อกเชน”
เกี่ยวกับ XinFin
XinFin คือโปรโตคอล/แพลตฟอร์มบล็อกเชนไฮบริดแบบเปิดระดับโลก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้สนับสนุนระยะยาว เครือข่ายสาธารณูปโภค และนักพัฒนาเทคโนโลยี
ติดตาม XinFin Network (XDCE) (https://coinmarketcap.com/currencies/xinfin-network/) ได้ทางทวิตเตอร์ (@XinFinF) เทเลแกรม (https://t.me/xinfintalk) และสแลค (https://xinfin-public.slack.com/)
ติดต่อ:
Rachna Baruah
อีเมล: rachna@madchatter.in
ที่มา: XinFin FinTech Pte. Ltd