WORK FROM HOME สะดวกกาย ทำลายตับ

0
325
image_pdfimage_printPrint

การทำงานที่บ้านเป็นอีกหนึ่งมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเป็นการจำกัดการติดต่อและการสัมผัสระหว่างคนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค งดการเดินทาง งดกิจกรรมพบปะ ซึ่งช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนำไปสู่รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป
ด้วยวิถีใหม่ รูปแบบการทำงานใหม่ ชีวิตสะดวกแต่ทำสุขภาพไม่สบาย กับพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น การอยู่กับหน้าจอคอมนานๆ อยู่แต่ในอิริยาบถเดิมๆ จนละเลยการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการเผชิญกับความเครียดเนื่องจากรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงการแพร่ระบาด ขณะยังต้องรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่มากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพภายในโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับปัญหาสุขภาพที่ตามมาหลังจากปรับวิธีการทำงานสู่รูปแบบ work from home
พญ.พรนภา ปวีณดำรง และศูนย์วิจัย RDI มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่าความเครียดส่งผลกระทบต่อตับ คือ ทำให้เลือดไปเลี้ยงตับได้น้อยลงและขาดอ๊อกซิเจนในระดับเซลล์ตับ ก่อเกิดอนุมูลอิสระเป็นพิษทำลายเซลล์ตับ อาจทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น 4-7 เท่า นอกจากนี้ความเครียดยังเพิ่มการรั่วซึมของสารพิษ และสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือด ตับจึงต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดสารพิษ รวมถึงเกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดมากเกินไป ทำให้กดภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เซลล์ตับอักเสบ
จากการสำรวจค่าตับของอาสาสมัครทั้ง 25 คน พบว่ามีค่าเฉลี่ยสูงขึ้น หลังจากทำงานที่บ้าน 4 สัปดาห์ ซึ่ง ค่าของ SGOT และ SGPT เป็นเอนไซม์ที่ใช้ช่วยตรวจวินิจฉัยภาวะโรคตับ หากตรวจพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ อาจบ่งชี้สภาวะความเสียหายของตับ
ศูนย์วิจัย RDI จึงขอเสนอ4วิธีลดความเครียด ขณะ Work From home ได้แก่ การทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ปลูกต้นไม้ คุยระบายปัญหากับเพื่อน พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์
การฝึกสมาธิ คือ การมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ เช่น ทำความสะอาดบ้าน จัดบ้าน แต่งบ้าน วาดภาพ และทำงานศิลปะ เป็นต้น
การเพิ่มทักษะให้ตัวเอง เช่น ฝึกทำอาหาร ฝึกสกิลแต่งหน้า เขียนนิยาย เป็นยูทูปเบอร์ เรียนออนไลน์ มี Weblog ของตัวเอง ฝึกถ่ายรูป หรือแม้กระทั่งขายของออนไลน์เป็นต้น
สุดท้ายเป็นกิจกรรมพัฒนากิจวัตรประจำวัน ส่วนนี้จะทำให้เราจัดระเบียบชีวิตให้ไปในทางที่ดีขึ้น เช่น นอนเร็วตื่นเช้า มีการวางแผนใช้เงิน ตั้งเป้าหมายอ่านหนังสือที่ชอบ และเขียนบันทึกชีวิตประจำวัน
ฉะนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเครียดแล้ว ก็ควรหาเวลาผ่อนคลาย โดยการนำวิธีต่างๆที่แนะนำไปเลือกปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม หากรู้จักวิธีจัดการความเครียดแล้วจะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเอง มีสุขภาพทั้งกายและจิตที่ดีได้
ข้อมูลจาก : Research Development and Innovation (RDI) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์