WICE เผยสงครามการค้าสหรัฐ-จีน กระทบระยะสั้น 2 ประเทศมหาอำนาจยังจำเป็นต้องพึ่งพิงทางการค้า รอความชัดเจนด้านการดำเนินนโยบาย ชี้อาจเป็นโอกาสภาคโลจิสติกส์ หากมีการย้ายฐานผลิต พร้อมรับมือและป้องกันความเสี่ยงทุกทาง มั่นใจปีนี้รายได้โตอย่างน้อย 30% ลุยเพิ่มงานบริการทุกรูปแบบ เดินหน้าสร้างแบรนด์ครอบคลุมงานโลจิสติกส์ทั่วเอเชีย
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (WICE ) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีแนวทางดำเนินนโยบายทางการค้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าเป้าหมายกว่า 1,300 รายการ ว่า เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการค้าการลงทุนโดยรวมในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศถือเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง และยังมีความจำเป็นต้องพึ่งพิงสินค้าบางส่วนร่วมกัน
ทั้งนี้คาดว่าการกำหนดแนวทางการดำเนินงานจะออกมาในรูปแบบที่ความเหมาะสม ซึ่งต้องรอความชัดเจนและติดตามว่าสหรัฐอเมริกาจะดำเนินการอย่างไร หรือมีมาตรการกีดกันการค้าในรูปแบบใดออกมาอีก มีหมวดหมู่สินค้าที่จะขึ้นภาษีจำแนกกี่ประเภท และมีประเทศใดบ้างอยู่ในบัญชีรายชื่อที่สหรัฐอเมริกาจะใช้มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่ม
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันบริษัทส่งออกสินค้าไปอเมริกาเป็นสัดส่วนประมาณ 10-12% เท่านั้น อีกทั้งสินค้าที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราภาษีในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งบริษัทมีปริมาณการขนส่งน้อยอยู่แล้ว โดยสินค้าหลักที่บริษัทให้บริการอยู่ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ อีกทั้งบริษัทได้มีการกระจายความเสี่ยงในทุกสถานการณ์ที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจมาโดยตลอด จึงเชื่อมั่นได้ว่าแม้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ บริษัทก็สามารถป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
ส่วน Universal Worldwide Transportation Limited (UWT) ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจีนและฮ่องกง ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เนื่องจากประเมินจากปริมาณงานต่างๆจากลูกค้า ก็ยังสามารถดำเนินได้อย่างปกติ ลูกค้ายังไม่ลดหรือชะลองานแต่อย่างใด
“การดำเนินนโยบายทางภาษีของอเมริกากับจีน ท้ายที่สุดอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจของภาคโลจิสติกส์ เนื่องจากอาจมีการย้ายฐานการผลิตออกไปยังประเทศอื่นๆมากขึ้น ซึ่งภูมิภาคอาเซียนถือเป็นกลุ่มประเทศที่ค่อนข้างมีความเหมาะสม ทั้งด้านความพร้อมของแรงงาน ภูมิประเทศ และการเปิดกว้างทางนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุน”นายชูเดช กล่าว
นายชูเดช กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 61 บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้อย่างน้อย 30% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท และเป็นการสร้างสถิติการเติบโตสูงสุดต่อเนื่องของบริษัท โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากกลยุทธ์ขยายธุรกิจแบบ Organic จากปริมาณงานบริการทุกประเภท และการเติบโตแบบ Inorganic ด้วยการต่อยอดธุรกิจร่วมกันระหว่าง WICE , SEL และ UWT โดยมุ่งเน้นการขยายปริมาณงานในประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของ UWT เข้าในช่วงไตรมาส 1/61 นี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ WICE ในธุรกิจโลจิสติกส์ระดับนานาชาติ ด้วยการขยายโครงข่ายพันธมิตรในประเทศต่างๆต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจทุกประเภทของบริษัทให้ครอบคลุมเส้นทางการขนส่งที่สำคัญ รองรับความต้องการของลูกค้าในทุกๆด้าน และยกระดับแบรนด์ WICE สู่การเป็นผู้นำงานบริการโลจิสติกส์แห่งเอเชีย