UniNet ปรับโครงสร้างเครือข่ายสารสนเทศ ปี 62 มุ่งเน้นบริการอุดมศึกษา-อาชีวะ

0
307
image_pdfimage_printPrint

รองศาสตราจารย์สมศักดิ์ มิตะถา ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) กล่าวว่า การศึกษาไทยพัฒนาอีกขั้น เพราะเครือข่าย UniNet ได้เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเฉพาะเพื่อการศึกษาวิจัยของไทย ให้สถาบันการศึกษาที่เป็นสมาชิกสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไม่ว่าจะเป็นการเรียนทางไกลผ่านระบบ Tele Conference System ห้องเรียนออนไลน์ การสืบค้นข้อมูลทางวิชาการ ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ห้องเรียนเสมือนจริง รวมถึงการผลิตสื่อการเรียนการสอน เป็นต้น
ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่า เครือข่าย UniNet นั้นคืออะไร ทำอะไรได้บ้าง แล้วทำไมถึงต้องใช้เครือข่ายเพื่อการศึกษานี้ การใช้งานเครือข่ายเฉพาะกิจนี้ เสมือนการใช้งานเครือข่ายส่วนตัวในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้การใช้งานเครือข่ายไม่ต้องไปแย่งช่องทางกับผู้อื่น สามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อการศึกษาและวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทางไกลเพื่อการเรียนการสอน การประชุมหารือ รวมถึงการส่งภาพสาธิตการผ่าตัดหรือการวินิจฉัยโรคที่มีความละเอียดสูงและมีข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อส่งผ่านข้อมูลที่สูงกว่าการใช้งานปกติ กิจกรรมเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้บนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วไปของผู้ให้บริการเอกชนได้ หรือหากต้องการใช้ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย
ในขณะนี้สมาชิกเครือข่าย UniNet สามารถดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่แจ้งให้ UniNet ทราบเพื่อจัดการเส้นทางเครือข่ายและเฝ้าระวังเครือข่ายในขณะที่มีการใช้งานเท่านั้น นอกจากนี้สมาชิกยังสามารถใช้งานสืบค้นฐานข้อมูลทางวิชาการ เพื่อเป็นช่องทางที่จะช่วยให้คณาจารย์ นักวิจัย นิสิต นักศึกษา รวมทั้งบุคคลกรของสถาบันการศึกษา สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดย UniNet ได้เชื่อมโยงสถาบันการศึกษาที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ภารกิจหลักในปี 2562 เครือข่าย UniNet ได้รับมอบหมายให้ดูแลสมาชิกตามภารกิจใหม่จะมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาการศึกษาอย่างมั่นคง และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปรับพื้นที่ให้บริการโรงเรียนในสังกัด สพฐ. จำนวน 19 แห่ง (จากเดิมปี 2561 จำนวน 9,566 แห่ง วิทยาลัยชุมชน 20 แห่ง สถาบันอุดมศึกษา 223 แห่ง วิทยาลัยอาชีวศึกษา 425 แห่ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 76 แห่ง วิทยาลัยสาธารณสุข 6 แห่ง สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหม 5 แห่ง หน่วยงานวิจัยในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 แห่ง ห้องสมุดประชาชนกศน. 1 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ 1 แห่ง สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 แห่ง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ 1 แห่ง และสถาบันพระปกเกล้า 1 แห่ง)
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าโครงการเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงข่ายสำหรับพัฒนาศักยภาพในด้านงานวิจัย ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถาบันการศึกษาระดับ อุดมศึกษาและอาชีวะเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันนั้นโครงข่ายได้ถูกเชื่อมโยงไปถึงโรงเรียนปลายทาง (Last mile) ซึ่งคลาดเคลื่อนไปจากจุดประสงค์การดำเนินงานของโครงการในตอนต้น
ดังนั้น ทาง UniNet จึงมีความเห็นสมควรในการที่จะมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพของโครงข่ายโดยการเจาะจงการให้บริการสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวะเป็นหลักเพื่อพัฒนาความสามารถด้านงานวิจัยของประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 โดย UniNet ยังคงอนุญาตให้โรงเรียนปลายทาง (Last mile) ใช้งานโครงข่าย Fiber optic รวมถึงอุปกรณ์ระบบเครือข่ายต่อไปได้เพียงแต่การดูแลบำรุงรักษา Fiber Optic และอุปกรณ์ ไม่ได้อยู่ในความดูแลของ UniNet
ขณะเดียวกันการมุ่งมั่นการพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาตามแนวทางข้างต้นนั้นถึงแม้จะส่งผลดีกับเครือข่ายงานวิจัยระดับอุดมศึกษาและอาชีวะ แต่ย่อมส่งผลกระทบกับโรงเรียนปลายทาง ซึ่งจะต้องดำเนินการจัดหาเครือข่ายระบบอินเตอร์เน็ตด้วยตนเอง ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นเพื่อไม่ให้ความสามารถด้านการศึกษาของโรงเรียนปลายทางได้รับผลกระทบกระทันหัน UniNet จึงอนุญาตให้โรงเรียนสามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้ต่อไป ทั้งนี้ ผู้ดูแลระบบเครือข่ายของโรงเรียนปลายทางควรดำเนินการจัดหาระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อทดแทนระบบของ UniNet