TK รุกตลาดเมียนมา เร่งเพิ่มทุนรองรับขยายธุรกิจใน สปป.ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา

0
437
image_pdfimage_printPrint

TK รุกตลาดเมียนมา เร่งเพิ่มทุนรองรับขยายธุรกิจใน สปป.ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา

17 ตุลาคม 2560: บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทยเตรียมตั้งบริษัท มิงกะลาบา ฐิติกร ไมโครไฟแนนซ์ จำกัด (Mingalaba Thitikorn Microfinance Co., Ltd.) พร้อมรุกตลาดเมียนมา เป็นประเทศที่ 3 ของ TK ในการขยายฐานเพิ่มเติมจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้บริษัทฯ ดำเนินการจัดตั้ง บริษัท มิงกะลาบา ฐิติกร ไมโครไฟแนนซ์ จำกัด ขึ้นที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000,000 จ๊าด หรือประมาณ 4,880,000 บาท โดย TK ถือหุ้นในสัดส่วน 99% เพื่อดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ และธุรกิจทางการเงินรูปแบบอื่นๆ ที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแลภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
นายประพล กล่าวเพิ่มเติมว่าสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมานับเป็นหนึ่งในอีกหลายประเทศที่บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนของ TK ไปยังต่างประเทศ โดยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีประชากรประมาณ 52.89 ล้านคน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ประกอบกับนโยบายเปิดประเทศเพื่อการลงทุนของภาครัฐ ทำให้ TK ตัดสินใจเข้าไปลงทุนเป็นประเทศล่าสุด
“TK มีความพร้อมที่จะเข้าไปทำธุรกิจในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยขณะนี้ TK กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบการจากรัฐบาลเมียนมา ทันทีที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาล เราก็พร้อมที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจ เพราะได้เตรียมบุคลากร ระบบการทำงาน และสำนักงานไว้เรียบร้อยแล้ว ในด้านเงินลงทุน โดยระยะแรกจะมีทุนจดทะเบียน 4.88 ล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจก่อนแล้วค่อยๆ ทยอยเพิ่มทุนตามขนาดของธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ TK มั่นใจว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ในขณะที่ผู้บริโภคยังเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้น้อย” นายประพลกล่าว

– 2 –
การรุกตลาดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ถือเป็นการตอกย้ำนโยบายขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับนโยบายการเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อจากต่างประเทศ 50% ภายในปี 2020 โดยปัจจุบัน TK ได้จัดตั้งบริษัทในต่างประเทศทั้งสิ้น 7 สาขา โดยมี 1 สาขาใน สปป.ลาว ซึ่งได้มีการเพิ่มทุนจำนวน 5,000 ล้านกีบ หรือประมาณ 21 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยจากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 5,250 ล้านกีบ หรือประมาณ 20,811,000 บาทนั้น หลังจากเพิ่มทุนแล้วจะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,250 ล้านกีบ หรือประมาณ 43,050,000 บาท และอีก 6 สาขาในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยล่าสุดสามารถเปิดให้บริการครบทั้ง 6 สาขาใน ราชอาณาจักรกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเพื่อเป็นการรองรับการขยายการบริการดังกล่าวทางบริษัทได้พิจารณาเพิ่มทุนจำนวน1,500,000 USD หรือประมาณ 50,295,000 บาท โดยทุนจดทะเบียนเดิมมีจำนวน 1,000,000 USD หรือประมาณ 34,940,000 บาท หลังจากเพิ่มทุนแล้วจะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้นรวม 2,500,000 USD หรือประมาณ 83,825,000 บาท
นายประพลกล่าวเกี่ยวกับผลประกอบการใน สปป.ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชาว่า มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ธุรกิจของ TK ในราชอาณาจักรกัมพูชา เติบโตถึง 93% ในขณะที่ธุรกิจของ TK ใน สปป. ลาวเติบโต 65% ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยมีหนี้เสียในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้สัดส่วนพอร์ทเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 2% ณ สิ้นปีที่แล้วมาเป็น 3% ในครึ่งปีนี้