TK ประกาศจ่ายปันผล 225 ล้านบาท หรือ 0.45 บาท/หุ้น
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการประจำปี 2561 โดยมีกำไรสุทธิ 407.4 ล้านบาท ลดลง 12.7% จาก 466.9 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ประกาศจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 4.7% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ 9.65 บาท ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยหดตัว 1.2% ในปี 2561 และมีแนวโน้มหดตัว 3-4% ในปี 2562 ไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งในปี 2562 มีแนวโน้มหดตัว 3-4% เช่นเดียวกัน ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในปี 2562 ของ TK คาดว่าน่าจะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา ประกาศเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศต่อเนื่องขึ้นในปี 2561 ลูกหนี้เช่าซื้ออยู่ที่ 905.1 ล้านบาท และขยายตัวได้ 127% ตั้งเป้าธุรกิจภาพรวมทรงตัว ในปี 2562 นี้ ก่อนปรับเป้าหมายใหม่อีกครั้ง หลังเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่าจากการ ดำเนินงานประจำปี 2561 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า TK มีผลประกอบการที่ลดลงจากนโยบายเร่งตัดหนี้สูญ โดยมีกำไรสุทธิ รวม 407.4 ล้านบาท ซึ่งลดลง 12.7% มีรายได้รวม 3,878.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จาก 3,653.6 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 10,429.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จาก ล้านบาท ในปี 2560 ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท รวมจำนวน 500 ล้านหุ้น เป็นเงิน 225.0 ล้านบาท โดยจะปิดสมุดพักการโอนหุ้น เพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 12 มีนาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562
“ในปี 2561 ที่ผ่านมารายได้บริษัทฯ เติบโตได้ดี แต่ TK ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ส่งผลให้สินค้าเกษตรหลักของประเทศมีราคาลดลงต่อเนื่อง โดยภาคเกษตรมีการหดตัว 0.4% อีกทั้งหนี้ครัวเรือน ซึ่งเคยสูงสุดที่ 81.1% ต่อ GDP ในไตรมาส 4 ปี 2558 ลดลงเล็กน้อยและยังคงตัวในระดับสูงที่ 77.8% ต่อ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2561 ส่งผลกระทบกับผู้มีรายได้น้อย
TK จึงมีนโยบายเร่งตัดหนี้สูญสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังการผ่อนชำระอ่อนตัวมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้คุณภาพลูกหนี้ดีขึ้น ณ สิ้นปี 2561 โดยลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน อยู่ที่ 4.1% ลดลงจากปีก่อนที่ 4.7% และเพื่อเป็นการรองรับ IFRS9 ที่คาดว่าน่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2563 TK จึงมีนโยบายตั้ง General Reserve เพิ่มอีก 1% หรือเป็นเงินจำนวน 94 ล้านบาท ทำให้สำรองเทียบกับลูกหนี้สุทธิเพิ่มขึ้นจาก 5.1% เป็น 6.1% และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นจาก 124.3% เป็น 147.6% ณ สิ้นปี 2562 โดยปีนี้ TK ตั้งเป้าลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อทรงตัว โดยการขยายตัวส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนในประเทศคงต้องประเมินอีกครั้งหลังมีการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาล
ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดรถจักรยานยนต์เติบโต 2 ปีต่อเนื่อง ในปี 2559-2560 แต่ไม่สามารถขยายตัวได้ในปี 2561 โดยหดตัว 1.2% อยู่ที่ 1,788,459 คัน และในปี 2562 ผู้ผลิตรายใหญ่คาดว่าจะหดตัวลงอีก 3-4% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ในปี 2561 TK ได้เปิดสาขาเพิ่มทั้งสิ้น 6 สาขา โดยเปิดในประเทศ 1 สาขา และอีก 5 สาขาในต่างประเทศ ในปีนี้คาดว่าจะเปิดสาขาในต่างประเทศอีกประมาณ 10 สาขา คือในราชอาณาจักรกัมพูชา 6 สาขา สปป.ลาว 3 สาขา และ สหภาพเมียนมา 1 สาขา ส่วนในประเทศคงต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง และปี 2562 TK น่าจะได้เริ่มธุรกิจ Micro Finance ในสหภาพเมียนมา หลังจากดำเนินการขอใบอนุญาตมาระยะหนึ่งแล้ว