- ครึ่งปีแรกเปิดสาขา 4 แห่ง เดินหน้าเปิดตัวอีก 6 แห่งให้ครบ 10 แห่งในปีนี้
- มั่นใจภายในปีหน้าโต ลูกหนี้เช่าซื้อ (สินเชื่อ) ไม่ต่ำกว่า 10% ถ้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2556 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ TK ยังคงรักษาอัตราเติบโตของสินเชื่อได้ที่ 5.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดสินเชื่อ 9,150 ล้านบาท
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแม้ว่าตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์โดยรวมในขณะนี้ได้หดตัวตามกำลังซื้อของประชาชน แต่ในส่วนของ TK ยังสามารถรักษาอัตราเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 10% ตลอดทั้งปี โดย 6 เดือนแรกสามารถเติบโตได้ที่ 5.8% กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2556 อยู่ที่ 105.9 ล้านบาท ลดลง 38.7% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ 172.9 ล้านบาท สาเหตุมาจาก เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 2 ทำให้ TK ตัดสินใจเร่งตั้งสำรองหนี้สูญ และตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้น อีกทั้งเร่งระบายรถยึดรุ่นเก่า เนื่องจากปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรายใหญ่มีการออกรถรุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น ทำให้รถรุ่นเก่ามีราคาลดลง ซึ่ง TK เชื่อมั่นว่า ค่าใช้จ่ายพิเศษนี้จะกดดันผลประกอบการในช่วงสั้นเท่านั้น แต่จะเห็นผลดีในระยะยาว
“TK เชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปี TK จะยังคงสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศ อุทกภัยทางธรรมชาติ หรือเศรษฐกิจโลกมีปัญหาอย่างรุนแรง จนทำให้การส่งออกของไทยหดตัวลงเพราะ TK ได้เร่งขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง” นางสาวปฐมากล่าว
TK ได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อในส่วนของตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ สามารถขยายไปได้แล้ว 4 สาขาจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ 10 สาขา ทำให้ขณะนี้ TK มีสาขากระจายทั่วประเทศแล้วทั้งสิ้น 87 สาขา ทั้งนี้การเพิ่มสาขาต่างจังหวัดของ TK เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างจังหวัดให้สอดคล้องกับสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ที่แท้จริงของประเทศไทยที่ตลาดต่างจังหวัดมีสัดส่วนประมาณ 80% ของตลาดรวม ขณะที่ TK ในปัจจุบัน มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อตลาดต่างจังหวัดประมาณ 65-70% คาดว่าสินเชื่อต่างจังหวัดของ TK น่าจะแตะระดับ 80% ได้ภายในปี 2557 ถึง 2558
นางสาวปฐมากล่าว เสริมว่าสาเหตุที่ตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมขณะนี้หดตัวในช่วงเดือน พฤษภาคม กับ มิถุนายน จากกำลังซื้อของประชาชนหดตัว เนื่องมาจากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดจำนวนข้าว ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่สูงมาก ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นมา โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 1,097,388 คัน ลดลงจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกันที่มียอดขายที่ 1,103,486 คันหรือลดลง 0.55%
นางสาวปฐมากล่าวว่าภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน จะมียอดขายไม่สูงนัก เนื่องจากเป็นช่วง Low Season แต่ตลาดน่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ซึ่งเป็นหน้า High Season ของยอดขาย
ทางด้านนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมถึงภาวการณ์แข่งขันในตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมาว่า การแข่งขันเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น โดยคู่แข่งเสนอค่าส่งเสริมการตลาดที่สูงผิดปกติ และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ และลดเงินดาวน์ลง ซึ่งภาวการณ์แข่งขันในลักษณะนี้ ทำให้ TK มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา TK ได้ทุ่มเทพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบของเราเอง รวมไปถึงการประเมินคะแนนของผู้กู้รายใหม่ด้วยระบบ Credit Scoring รวมไปถึงระบบการตรวจสอบภาคสนามที่เข็มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่ง TK จะเข็มงวดมากขึ้นในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างในปัจจุบัน นายประพลกล่าว
