The Consumer Goods Forum ตั้งปณิธานใหม่ มุ่งสู่การเลิกใช้สารทำความเย็นทำลายโอโซน

0
339
image_pdfimage_printPrint

Consumer Goods Forum Logo

ปารีส และ นิวยอร์ก–6 ต.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

– ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการเลิกใช้สารทำความเย็น HFC พร้อมสานต่อความสำเร็จตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา

คณะกรรมการบริหารของ The Consumer Goods Forum (CGF) ได้ประกาศปณิธานใหม่ว่าด้วยการใช้สารทำความเย็น (Refrigeration Resolution) โดยเรียกร้องให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคทุกรายเลิกใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ที่เป็นอันตราย ความมุ่งมั่นครั้งใหม่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวต่อไปในการบรรลุเป้าหมายการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ปัจจุบัน สาร HFC คิดเป็น 1.5% ของสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้โลกร้อน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-9% ของปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้งหมดภายในปี 2050 หากไม่มีการดำเนินการใดๆ

(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151201/292056LOGO )

ปณิธานใหม่นี้มุ่งเน้นใน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ การติดตั้งอุปกรณ์การทำความเย็นใหม่ในตลาดที่สามารถดำเนินการได้ การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญเพื่อเอาชนะอุปสรรคในตลาดที่ยังไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากระบบทำความเย็นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และการพัฒนาเป้าหมายเป็นรายๆไป พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติเพื่อวัดผลการดำเนินงานใน 3 ข้อแรก

คณะกรรมการฯ ยังได้ตระหนักถึงความสำคัญในการออกกฎเพื่อการเลิกใช้สาร HFC ทั่วโลกอย่างเท่าเทียมยุติธรรม และจึงได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มรายชื่อสาร HFC ลงในพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol) ว่าด้วยสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน

ไมค์ คูป ซีอีโอของ Sainsbury กล่าวว่า “นี่เป็นอีกครั้งที่สมาชิกของ CGF แสดงความเป็นผู้นำระดับโลกด้านสิงแวดล้อม ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนของอุตสาหกรรมได้ในวงกว้างมากขึ้น โดยในขณะที่เรากำลังถอยห่างออกจากการใช้สาร HFC และมุ่งสู่แนวปฏิบัติทางธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคจะต้องเป็นผู้นำทางและก้าวนำมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง”

อลัน คลาร์ก ซีอีโอของ SABMiller กล่าวว่า “การดำเนินการที่ได้ผลดีของบรรดาบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำทั่วโลกในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของระบบทำความเย็นคาร์บอนต่ำในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งในเชิงพาณิชย์และในแง่ของการดำเนินงาน สำหรับ SABMiller เองนั้น เราตั้งเป้าที่จะซื้อตู้เย็นใหม่ที่ปราศจากสาร HFC ภายในปี 2020 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ Prosper เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา โดยปณิธาณ Refrigeration Resolution ครั้งใหม่นี้จะช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรมสามารถเดินหน้ากำจัดสารทำความเย็นซึ่งมีผลต่อภาวะโลกร้อนได้ตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Climate Agreement)”

อ่านปณิธานทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ของ CGF

การสานต่อผลสำเร็จจากการปฏิบัติตาม Refrigeration Resolution ปี 2010 ของ CGF

ย้อนกลับไปในปี 2010 เมื่อ CGF ประกาศปณิธาน Refrigeration Resolution เป็นครั้งแรกนั้น ระบบทำความเย็นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ทว่าเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำแบบต่างๆ ซึ่งจะเข้ามาแทนที่การใช้สารทำความเย็นนั้นยังไม่ผ่านการรับรอง CGF จึงตัดสินใจแสดงความเป็นผู้นำด้วยการประกาศความมุ่งมั่นที่จะปฏิตามแนวทางใหม่ๆ ในการทำความเย็น ภายในปี 2015

จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว สมาชิกของ CGF จึงได้ติดตั้งระบบทำความเย็นคาร์บอนต่ำในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 4,000 แห่ง ตู้แช่ไอศครีมและเครื่องดื่มกว่า 4 ล้านตู้ทั่วโลก รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติเป็นหลักด้วย โดยจุลสาร Refrigeration Booklet ที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ได้กล่าวถึงความสำเร็จดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้ 2010 Refrigeration Resolution ได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมกราคม 2016 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม CGF ยอมรับว่าแม้การทดสอบและนำร่องการใช้สารทำความเย็นธรรมชาตินั้นเป็นไปในทางบวก แต่ปณิธานใหม่ที่มีการประกาศในวันนี้มีความจำเป็นในการช่วยผลักดันความเข้าใจในวงกว้าง อีกทั้งรับประกันว่าสาร HFC จะถูกกำจัดออกจากระบบการดำเนินงานทั่วโลกอย่างถาวร

สำหรับ Refrigeration Resolution ฉบับที่ 2 นี้ นับเป็นปณิธานด้านสิ่งแวดล้อมลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเสาหลักแห่งความยั่งยืนของ CGF นอกเหนือจากปณิธานเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าและอาหารเหลือทิ้งที่สมาชิกปฏิบัติตามอยู่ในปัจจุบัน

เกี่ยวกับ The Consumer Goods Forum

The Consumer Goods Forum (“CGF”) คือเครือข่ายอุตสาหกรรมระดับโลกที่ยึดหลักความเสมอภาค บรรดาสมาชิกของเครือข่ายได้ร่วมกันผลักดันให้ทั่วโลกใช้หลักปฏิบัติและมาตรฐานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสินค้าผู้บริโภคทั่วโลก สมาชิกเหล่านี้ประกอบด้วยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทค้าปลีก ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และอื่นๆ กว่า 400 แห่งจาก 70 ประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายของอุตสาหกรรมทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ขนาด ประเภทสินค้า และรูปแบบธุรกิจ บริษัทสมาชิกมียอดขายรวมกัน 3.5 ล้านล้านยูโร มีการจ้างพนักงานโดยตรงรวมกันเกือบ 10 ล้านคน และมีลูกจ้างที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่มูลค่าอีก 90 ล้านคน ทั้งนี้ CGF กำกับดูแลโดยคณะกรรมการบริหารที่ประกอบด้วยซีอีโอจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทค้าปลีก 50 ราย

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.theconsumergoodsforum.com

ที่มา: The Consumer Goods Forum