TE Index Q3 ชี้ภาคประชาชน คะแนนหด ตกเกณฑ์ ความรับผิดชอบต่ำ ส่อคอร์รัปชั่น

0
363
image_pdfimage_printPrint

TE-INDEX-Q3

ผลเท่ อินเด็กซ์ (TE Index) ภาคประชาชน ไตรมาส 3 ภาพรวมคะแนนลดลงทุกปัจจัย ต่ำกว่าเกณฑ์

ความรับผิดชอบได้คะแนนต่ำสุด คอร์รัปชั่นรั้งท้าย แนะช่วยกันตรวจสอบ เลิกคบค้าพวกไม่ซื่อ

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสภาปัญญาสมาพันธ์

และประธานอำนวยการบริหารจัดทำดัชนีประสิทธิผลประเทศไทย (เท่ อินเด็กซ์)

แถลงผลดัชนีประสิทธิผลประเทศไทยดัชนีประสิทธิผลการทำงานของภาคประชาชน ประจำไตรมาส 3 ปี

2559 ชี้ภาพรวมคะแนนลดลงทุนปัจจัย โดยความรับผิดชอบได้คะแนนต่ำสุด ส่วนคอร์รัปชั่นรั้งท้าย

แนะให้ช่วยกันตรวจสอบ และเลิกคบค้าพวกไม่ซื่อ และการบรรยายพิเศษจาก รศ.ดร. สมภพ มานะรังสรรค์

เรื่อง “Thailand 4.0 and the global mega trends” ในงานแถลงผลของสภาปัญญาสมาพันธ์ครั้งที่ 10

มีผู้สนใจและกลุ่มนักศึกษาจากองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงเข้าร่วมรับฟัง

ดัชนีประสิทธิผลการทำงานของภาคประชาชน (People Sector Effectiveness Index – PPE

Index) ประจำไตรมาส 3 ปี 2559 พบว่า ในภาพรวม ได้คะแนนร้อยละ 69.1 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา

ร้อยละ 1.65 (ไตรมาส 2 ร้อยละ 70.8) โดยรวมแล้วมีคะแนนลดลงในทุกปัจจัย

และต่ำกว่าความคาดหวังของประชาชน

ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ คณะทำงานฯ

ได้สอบถามประชาชนถึงระดับคะแนนขั้นต่ำที่ประชาชนพอใจที่จะนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินป

ระสิทธิผลการทำงาน ซึ่งได้ค่าคะแนนที่ร้อยละ 71.9 ดังนั้น

เมื่อเทียบประสิทธิผลการทำงานของภาคประชาชนกับเกณฑ์แล้ว

ถือว่าภาคประชาชนยังไม่ผ่านเกณฑ์ในไตรมาสนี้

ปัจจัยที่ได้คะแนนสูงสุดในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ การสร้างพันธมิตรและการบูรณาการ

ได้คะแนนร้อยละ 71 ลดลงเล็กน้อย โดยไตรมาส 2 ได้คะแนนร้อยละ 72 แต่ยังถือว่าสูง

สาเหตุอาจเนื่องมาจากการทำงานแบบเชื่อมโยงกับภาคส่วนอื่นๆ

เป็นลักษณะเฉพาะที่เห็นได้ชัดเจนของภาคประชาชน และในช่วงที่ผ่านมา

มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงการทำงานของภาคประชาชนที่สร้างพันธมิตรกับหน่วยงานอื่นๆ

ปัจจัยอันดับสอง ได้แก่ การตอบสนองความต้องการของสังคม ได้คะแนนร้อยละ 70.8

ลดลงจากไตรมาสก่อน ร้อยละ 1.9 (ไตรมาส 2 ร้อยละ 72.6) ประชาชนให้คะแนนปัจจัยนี้เป็นอันดับ 2

เหตุผลอาจเนื่องจากภาคประชาชนทำหน้าที่เพื่อฟื้นฟู พัฒนา

และแก้ไขปัญหาที่ตอบสนองความคาดหวังของสังคมได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ตรงประเด็น

โดยเฉพาะองค์การที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของประชาชน เช่น มูลนิธิกระจกเงา

ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสังคม

และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเรื่องของการติดตามบุคคลสูญหาย เป็นต้น

ส่วนคะแนนอันดับสาม ได้แก่ ปัจจัยความสามารถในการเข้าถึงประชาชน ได้คะแนนร้อยละ 70.1

ลดลงจากไตรมาสก่อนเพียงเล็กน้อย (0.89%)

สาเหตุน่าจะเป็นเพราะการที่องค์การภาคประชาชนยังคงมีข่าวปรากฏในสื่ออย่างต่อเนื่อง

ทำให้ประชาชนรับรู้ถึงผลการปฏิบัติงานที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วและสำเร็จ

ส่วนปัจจัยที่ได้คะแนนต่ำสุด ได้แก่ ความรับผิดรับชอบ ได้คะแนนร้อยละ 65.4 ลดลงจากไตรมาส 2

ร้อยละ 2.8 (ไตรมาส 2 ร้อยละ 68.2) ปัจจัยนี้ นอกจากได้คะแนนต่ำที่สุดแล้ว

ยังมีคะแนนลดลงจากไตรมาสก่อนมากที่สุดอีกด้วย เหตุผลอาจสืบเนื่องจากในไตรมาสที่ 3 นั้น

มีข่าวด้านลบเกี่ยวกับองค์กรภาคประชาชนปรากฏในสื่ออย่างต่อเนื่อง เช่น

กรณีผู้ควบคุมการผลิตคอนเสิร์ตการกุศล “สร้างรอยยิ้มเพื่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาส”

ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน ทำการเบิกเงินจริงสำหรับการจัดคอนเสิร์ตการกุศลดังกล่าว

และไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบเมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย เป็นต้น

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ได้คะแนนต่ำรั้งท้ายรองลงมา ได้แก่ การปลอดคอร์รัปชั่น ได้คะแนนร้อยละ 67.9

ลดลงร้อยละ 2.8 จากไตรมาสก่อน (ไตรมาส 2 ร้อยละ 70) คะแนนที่ลดลง สะท้อนว่า

ประชาชนเริ่มเห็นว่าการคอร์รัปชั่นไม่ได้เป็นเพียงปัญหาในภาครัฐและภาคเอกชนเท่านั้น

แต่ยังได้กลายเป็นปัญหาในภาคประชาชนด้วย ทั้งนี้

อาจเนื่องจากมีข่าวที่มีองค์การภาคประชาชนบางส่วนได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีความเรื่องการคอร์รัปชั่น เช่น

คดีฉ้อโกงทรัพย์สินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กรณีสมาคมกีฬายูโด

ค้างเบี้ยฝึกซ้อมแก่นักกีฬาและคู่ซ้อม

หรือกรณีสหกรณ์แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีทำสัญญาขายฝากที่ดินโดยมิชอบ เป็นต้น

จากกรณีข่าวการทุจริตในภาคประชาชนปรากฏในสื่อบ่อยขึ้นนั้น เสนอว่า ประชาชนควรสนใจดูแล

ตรวจสอบ และควรใช้มาตรการกดดันทางสังคม

ไม่ให้ความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาชนที่ไม่แสดงความรับผิดเมื่อเกิดความเสียหายแก่สังคม รวมทั้ง

ควรมีการประชาสัมพันธ์ประชาชนให้รับรู้ว่า หากเกิดเหตุเสียหาย

สามารถร้องเรียนกรณีความผิดได้ในช่องทางใดบ้าง เช่น ส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย 2

สำนักงานสอบสวนและนิติกร กรมการปกครอง เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ประชาชนยังไม่รับรู้มากนัก เป็นต้น

สามารถดูภาพข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2cCfauI