งานวิจัยด้านไอทีทั่วโลกฉบับล่าสุดชี้ว่ากว่า 91 %ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่า ไฮบริดคลาวด์ เป็นโมเดลด้านไอทีที่เหมาะสม ไม่ใช่พับลิคคลาวด์
ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าประโยชน์หลักของไฮบริดคลาวด์
ทำให้การทำงานร่วมกันในระบบคลาวด์และโมบิลิตี้แอพลิเคชั่นมีคุณภาพคุ้มค่าและปลอดภัยกว่า
กรุงเทพฯ – 23 พฤศจิกายน 2561: นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านระบบ คลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กรได้เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีด้าน Enterprise Cloud Index ถึงการวัดแผนการดำเนินงานขององค์กรในการใช้งานไพรเวทคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และพับลิคคลาวด์ รายงานฉบับใหม่พบว่าองค์กรต่างๆ มีการวางแผนที่จะเพิ่มการใช้งานบนระบบไฮบริดคลาวด์มากขึ้น โดย 91% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าระบบไฮบริดคลาวด์เป็นโมเดลด้านไอทีที่เหมาะสม แต่มีเพียงแค่ 19% เท่านั้นที่ระบุว่ามีการใช้โมเดลดังกล่าวในปัจจุบัน
ผลการวิจัยเผยว่าความคล่องตัวในการใช้งานแอพพลิเคชั่นผ่านระบบคลาวด์เป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ถึง 97% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 88% ของผู้ตอบแบบสอบถาม กล่าวว่า “สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก” นอกจากนี้ ยังพบว่าระบบพับลิคคลาวด์ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการทำงานบนระบบคลาวด์ เหล่าผู้นำด้านไอทีได้จัดอันดับว่าการจับคู่แอพพลิเคชั่นให้เหมาะสมกับการทำงานบนระบบคลาวด์เป็นสิ่งสำคัญ และ 35% ขององค์กรที่ใช้ระบบพับลิคคลาวด์ต่างมีค่าใช้จ่ายเกินงบประมาณประจำปี เมื่อถามถึงการจัดอันดับถึงคุณประโยชน์ของระบบไฮบริดคลาวด์ ตามความสำคัญได้รับคำตอบว่า ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างระบบคลาวด์แต่ละแบบ 23% ความสามารถในการย้ายแอพพลิเคชั่นไปมาบนระบบคลาวด์ 16% ความคุ้มค่าที่มากขึ้น 6% และความปลอดภัย 5%
Vanson Bourne ได้รับมอบหมายจากนูทานิคซ์ให้ทำการสำรวจจากผู้นำด้านไอทีเกี่ยวกับการใช้งานแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจของพวกเขาในปัจจุบัน ถึงแผนที่จะดำเนินงานในอนาคต ความท้าทายในการวางระบบคลาวด์ของพวกเขา และด้านความคิดริเริ่มในระบบคลาวด์ของพวกเขาว่ามีผลต่อโครงการ และความสำคัญด้านไอทีอย่างไร จากการสำรวจ มีผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 2,300 คน จากหลากหลายอุตสาหกรรม ขนาดธุรกิจ และหลากหลายภูมิภาค ประกอบด้วย อเมริกา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา (EMEA) และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น (APJ)
ในบทบาทที่มุ่งเน้นไปในด้านความคล่องตัว และการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบดิจิทัล ทีมงานด้านไอทีต่างเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมของระยะเวลาดำเนินงานบนแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับตัว และความคล่องตัวในการใช้งานแอพพลิเคชั่นผ่านระบบคลาวด์ เนื่องจากพวกเขาต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายแอพพลิเคชั่นไปยังระบบคลาวด์ที่เหมาะสมบนพื้นฐานที่ประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การทำงานของระบบไอทีเงา (Shadow IT) ซึ่งเป็นระบบที่เอาไว้หลีกเลี่ยงทีมงานไอทีขององค์กรก็กำลังก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อการคาดการณ์ และควบคุมการทำงานบนระบบพับลิคคลาวด์ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่ง (57%) ที่มีการรายงานอย่างน้อยหนึ่งครั้งถึงเรื่องระบบไอทีเงา
ข้อมูลสำคัญอื่นๆ จากผลการวิจัย ได้แก่
● ระบบไฮบริดคลาวด์ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจมากกว่าระบบซิงเกิลพับลิคคลาวด์ ซึ่งรวมถึงราคา: 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ไฮบริดคลาวด์เป็นแนวโน้มด้านไอทีที่จะมีผลด้านบวก ต่อธุรกิจของพวกเขา และผู้ใช้ระบบไฮบริดคลาวด์รายงานว่าความต้องการด้านการใช้งานของพวกเขาได้รับการตอบสนองคิดเป็น 49% ในขณะที่คำตอบของผู้ใช้ระบบซิงเกิลพับลิคคลาวด์คิดเป็น 37% นอกจากนี้ องค์กรที่ใช้ระบบพับลิคคลาวด์มีค่าใช้จ่ายถึง 26% ของงบประมาณด้านไอทีจากการใช้งานระบบพับลิคคลาวด์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความจริงที่ว่ามีเพียงแค่ 6% ที่ใช้งานระบบพับลิคคลาวด์ภายใต้งบประมาณ ในขณะที่กว่า 35% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ใช้งานทรัพยากรระบบพับลิคคลาวด์เกินจากงบประมาณที่ตั้งไว้
● ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการกำหนดปริมาณงาน: 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ทำการสำรวจเพื่อรายงานการจัดอันดับความปลอดภัยของข้อมูล และการปฎิบัติตามกฎระเบียบเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาปริมาณของพวกเขา รองลงมาคือเรื่องประสิทธิภาพการทำงานที่ 62% ความง่ายในการจัดการที่ 53% และเรื่องค่าใช้จ่ายที่ 52%
● นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในปัจจุบันที่หลีกเลี่ยงระบบไอที: 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่านักพัฒนาของพวกเขากำลังหลีกเลี่ยงระบบไอทีเมื่อต้องมีการตัดสินใจเลือกใช้งานแอพพลิเคชั่น ทำให้องค์กรอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
● การสรรหาผู้ชำนาญระบบไฮบริดคลาวด์เป็นเรื่องยาก: ด้วยคุณประโยชน์ที่ชัดเจนของระบบไฮบริดคลาวด์ ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าความท้าทายคือการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านไฮบริดคลาวด์ โดย 54% อ้างว่าการทำให้ผู้มีความสามารถอยู่กับองค์กรเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
● คาดการณ์ว่าทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) จะมีการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์เกินหน้าทวีปอเมริกา: ในระดับภูมิภาค ทวีปอเมริกาในปัจจุบันใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์อยู่ที่ 22% และจะเพิ่มเป็น 31% ภายใน 12 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าภายในสองปีจากนี้ ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟฟริกา (EMEA) จะมีการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์อยู่ที่ 43% มากกว่าทวีปอเมริกาที่คาดว่าจะอยู่ที่ 39% และภูมิภาคที่น่าจับตามองอย่างเอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่นกำลังตามมาติดๆ อยู่ที่ 39%
นายเบ็น กิ้บสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท นูทานิคซ์ กล่าวว่า “องค์กรต่างๆ ต่างต้องการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่มีความคล่องตัว และสามารถทำงานร่วมกันได้ พวกเขาจึงเลือกใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบไฮบริคคลาวด์มากขึ้น ในขณะที่การมาถึงของระบบพับลิคคลาวด์ทำให้ระบบไอทีมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นในบางส่วน ความสามารถของระบบไฮบริดคลาวด์เป็นอีกขั้นในการให้อิสระในการจัดเตรียม และจัดการแอพพลิเคชั่นอย่างมีประสิทธิภาพตรงความต้องการของการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยพบว่าช่องว่างที่สำคัญในตลาดคือ: องค์กรต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อมาบริหารจัดการระบบไฮบริดคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีก 12 – 24 เดือนข้างหน้า”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานการสำรวจ “Nutanix Enterprise Cloud Index 2018” สามารถดาวน์โหลดฉบับเต็มได้ที่นี่
เกี่ยวกับนูทานิคซ์
นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์และโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ช่วยให้ฝ่ายไอทีไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และสามารถมุ่งเน้นกับความสำคัญบนแอปพลิเคชั่นและบริการที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ บริษัททั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ Enterprise Cloud OS ของนูทานิคซ์ เพื่อให้บริหารจัดการแอปพลิเคชั่นได้ในคลิกเดียวและสามารถโยกย้ายไปมาได้ทั้งพับลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และดิสทริบิวเต็ดเอจด์คลาวด์ ดังนั้นจึงสามารถใช้แอปพลิเคชั่นได้ทุกขนาดและทุกรูปแบบด้วยต้นทุนรวมที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้องค์กรสามารถให้บริการสภาพแวดล้อมไอทีประสิทธิภาพสูงตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ดูแลการทำงานของแอปพลิเชั่นต่างๆ สัมผัสประสบการณ์เสมือนคลาวด์อย่างแท้จริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามเราได้ที่ทวิตเตอร์ @nutanix
© 2018 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo and all product and service names mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc., in the United States and other countries. All other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s).