1

วีเอ็มแวร์ส่งแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์เร่งพลังขับเคลื่อนระบบไฮบริดไอที แห่งอนาคต (Next-Generation Hybrid IT)

นวัตกรรมล่าสุดช่วยองค์กรในการโยกย้าย ปรับปรุงเพื่อความทันสมัย และบริหารจัดการเวิร์คโหลดข้ามระบบคลาวด์แบบต่างๆ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ และ Edge Locations ด้วยโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดคลาวด์และการดำเนินงานที่สอดคล้องกัน

กรุงเทพฯ – 28 สิงหาคม 2562 – ที่งาน VMworld 2019 บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) เปิดตัวการขยายการให้บริการคลาวด์แบบใหม่ พร้อมช่วยลูกค้าตอบสนองความต้องการเฉพาะของทั้งแอปพลิเคชั่นแบบเก่าและแอปพลิเคชั่นแบบใหม่ที่ทันสมัย วีเอ็มแวร์ช่วยเสริมพลังความสามารถให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอที, นักพัฒนา, แอดมินผู้ดูแลเดสก์ท็อป และฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านซีเคียวริตี้ด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ที่สร้าง รัน และบริหารจัดการเวิร์คโหลดบนโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องสามารถทำงานข้ามระบบกันได้ทั้งในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์, พับลิคคลาวด์ หรือแม้กระทั่งโครงสร้างพื้นฐาน edge ตามที่ต้องการ ด้วยแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ที่เปิดใช้งานโดยวีเอ็มแวร์ ลูกค้าสามารถโยกย้ายและปรับปรุงแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ได้ทั้งบนระบบคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และ Edge Locations ในขณะที่ยังช่วยลดความซับซ้อนของการวางแผนการใช้งานคลาวด์ การติดตั้ง ต้นทุนราคาและการดำเนินงานที่ต่อเนื่อง

ไฮบริดคลาวด์ถือเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเกือบสองในสามของผู้ซื้อบริการคลาวด์กำลังมองหาโมเดลหรือรูปแบบบริการคลาวด์ที่ครอบคลุมทั้งดาต้าเซ็นเตอร์, คลาวด์และ edge (อ้างอิงทีมา: VMware Cloud Journey study, 2018) องค์กรด้านไอทีส่วนใหญ่กำลังหันมาใช้ระบบคลาวด์แบบไฮบริดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกแอปพลิเคชั่น ไฮบริดคลาวด์คือการปลดล็อคโอกาสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับองค์กรธุรกิจที่จะใช้ประโยชน์ทรัพยากรได้อย่างเกือบจะไร้ขีดจำกัดทั่วทั้งบนดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบคลาวด์ และ edge โดยองค์กรธุรกิจจะสามารถรันเวิร์กโหลดได้ตามที่ต้องการ และย้ายเวิร์กโหลดได้อย่างไร้รอยต่อ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในทุกที่ทั่วโลก และนำเสนอความสามารถที่จำเป็นสำหรับแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ และที่มีอยู่เดิม โดยทั้งหมดนี้ไม่มีภาระเรื่องค่าใช้จ่าย บุคลากรเจ้าหน้าที่ หรือความเสี่ยงในการปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชั่น สถาปัตยกรรมที่เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับระบบไอทีแบบไฮบริดนี้จะเป็นจริงได้จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องกัน ทั้งในส่วนของระบบประมวลผล สตอเรจ ระบบเครือข่าย และการดำเนินงาน

VMware Cloud ปลดล็อคอนาคตของระบบไฮบริดไอทีและช่วยให้ลูกค้าตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชั่นโดยการส่งมอบไฮบริดคลาวด์ในรูปแบบแพลตฟอร์ม วีเอ็มแวร์เปิดใช้งานแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ที่สอดคล้องกันซึ่งครอบคลุมพับบลิคคลาวด์สำคัญทั้งหมด ได้แก่ AWS, Azure, Google Cloud, IBM Cloud และคู่ค้า VMware Cloud ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วกว่า 60 รายทั่วโลก ปริมาณเวิร์กโหลดมากกว่า 70 ล้านรายการทำงานบน VMware ในจำนวนนี้มี 10 ล้านเวิร์กโหลดอยู่ในคลาวด์ ทั้งหมดนี้กำลังรันอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่า 10,000 แห่งที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการ VMware Cloud

รากู รากูราม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “ไฮบริดคลาวด์มอบพลังสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจให้กับทุกองค์กร พร้อมอิสระในการเข้าถึงนวัตกรรมที่ดีเยี่ยมสำหรับอนาคต ไม่มีผู้ผลิตรายใดที่สามารถนำเสนอไฮบริดคลาวด์ได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมเท่ากับวีเอ็มแวร์ แพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ของเราได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า และนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านี้จะขยายความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ เพราะจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานที่สอดคล้องกันในระดับที่เหนือกว่า ครอบคลุมตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทาง (edge)”

การปฏิบัติการที่สอดคล้องกันของ Hybrid Cloud Operations
VMware Hybrid Cloud Operations เพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการจัดการระบบและแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยอาศัยระบบงานอัตโนมัติ การจัดการค่าใช้จ่าย การกำกับดูแล การใช้ทรัพยากรอย่างโปร่งใส การรักษาความปลอดภัย และการตรวจสอบอย่างทั่วถึง เทคโนโลยีใหม่ๆ ใน VMware Hybrid Cloud Operations มีดังนี้:

• การปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (Self-Driving Operations): ในขณะที่ลูกค้าปรับใช้แอปพลิเคชั่นข้ามไฮบริดคลาวด์นั้น งานด้านปฏิบัติการที่สำคัญเช่นการวางแผนกำลังการผลิต, การจัดการประสิทธิภาพ, การแก้ไขปัญหาและช่วยให้งานกำกับดูแลกลายเป็นความท้าทาย VMware vRealize Operations 8.0 ได้รับการปรับให้เหมาะกับโลกใหม่ของการปฏิบัติการแบบไฮบริดคลาวด์ ที่จะส่งมอบความสามารถใหม่และเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับการใช้งานไฮบริดคลาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง และโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวอร์จ (Hyperconverged Infrastructure – HCI) รวมไปถึงการตรวจสอบดูแลระบบมัลติคลาวด์ การเปิดตัวล่าสุดนี้นำเสนอความตั้งใจการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การจัดการความจุอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด และการกำกับดูแลและกำหนดค่าอย่างครบวงจร ความสามารถเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการทรัพยากรคลาวด์และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ด้วยซอฟต์แวร์เดียวกับที่ใช้ในการจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ VMware vRealize Operations Cloud บริการ SaaS ที่เสนอให้ขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดทดลองใช้งาน

• ไฮบริดคลาวด์ทำงานแบบอัตโนมัติ (Hybrid Cloud Automation): VMware vRealize Automation 8.0 ให้สิทธิ์ไอทีและนักพัฒนาสามารถทำ self service deployment และ day 2 operations ของแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ รวมทั้งการสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน (VMs) และการทำคอนเทนเนอร์บนคลาวด์ใดๆ ก็ตาม ซึ่งโซลูชันนี้จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงานและด้วยความสามารถใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปรับจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง ช่วยให้มีรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น และมีความพร้อมในการใช้งานแบบมัลติคลาวด์ รวมถึงขยายความสามารถให้คลอบคลุมทั้ง VMware Cloud บน AWS และคลาวด์สาธารณะที่สำคัญทั้งหมด และเพิ่มเติมในส่วนของ ServiceNow อีกทั้งการรวมเข้ากันของ Terraform และ Git จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนาได้เป็นอย่างดี โดยโซลูชันนี้จะถูกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรม container-based microservices อันจะช่วยให้การติดตั้งง่ายขึ้นและสะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานให้สูงมากขึ้น บริการเหล่านี้จะพร้อมใช้งานดั่งเป็นส่วนหนึ่งของ VMware vRealize Automation Cloud หรือที่รู้จักกันก่อนหน้านี้ภายใต้บริการ Cloud Automation Services

• แพลตฟอร์มการจัดการคลาวด์ที่สมบูรณ์ (Complete Cloud Management Platform): VMware vRealize Suite 2019 ผสานรวมเข้ากับ vRealize Automation 8.0 และ vRealize Operations 8.0 เพื่อนำเสนอความสามารถในการปรับปรุงประสิทธิภาพแบบ closed loop ที่ก้าวล้ำ รองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความสะดวกในการดำเนินงานด้านไอที และลดค่าใช้จ่ายด้านไอที การเพิ่มเติม VMware vCloud Suite 2019 Platinum ไว้ใน vRealize Suite 2019 ช่วยให้ทีมงานฝ่ายปฏิบัติการด้านไอทีสามารถตรวจสอบบริบทและลักษณะการทำงานของแอปพลิเคชั่น เพื่อระบุและกำจัดภัยคุกคามในแบบเรียลไทม์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและปกป้องเวิร์กโหลดอย่างต่อเนื่อง

• ต้นทุนและข้อปฏิบัติของไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud Cost and Compliance): CloudHealth เป็นแพลตฟอร์มการจัดการมัลติคลาวด์ชั้นนำสำหรับการจัดการต้นทุนคลาวด์ เปิดใช้งานการกำกับดูแลและการใช้งานตามนโยบายทางธุรกิจ CloudHealth จัดการระบบคลาวด์สาธารณะหรือพับลิคคลาวด์มากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายกับลูกค้ามากกว่า 5,000 ราย CloudHealth Hybrid เป็นบริการใหม่จะขยายฟังก์ชั่นการปรับปรุงค่าใช้จ่าย การประเมินการโยกย้าย และการรักษาความปลอดภัยที่ CloudHealth นำเสนอให้กับสภาพแวดล้อมคลาวด์สาธารณะ ไปสู่สภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ โดยลูกค้าจะสามารถขจัดค่าใช้จ่ายคลาวด์ในส่วนที่สูญเปล่า และจัดส่งรายงานค่าใช้จ่ายคลาวด์ตามจริงให้แก่ผู้ใช้ (showback) ทั้งยังสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายคลาวด์ทั้งหมด รวมถึงข้อมูลค่าใช้จ่าย/การใช้งาน/ข้อมูลประสิทธิภาพ CloudHealth Hybrid จะช่วยให้องค์กรเร่งการโยกย้าย และปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สำหรับแต่ละเวิร์กโหลดโดยอ้างอิงค่าใช้จ่าย/ประสิทธิภาพ และด้วยความสามารถในการกำหนดนโยบายสำหรับการใช้ทรัพยากรไฮบริดคลาวด์ที่เหมาะสม และแจ้งเตือนในกรณีที่มีการละเมิดนโยบาย ลูกค้าจะได้รับความยืดหยุ่นในการป้องกันบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตและช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

• การสังเกตการณ์ขององค์กร (Enterprise Observability): Wavefront by VMware มอบการตรวจสอบแบบบูรณาการ ตั้งแต่ระดับองค์กรแบบรวมจากแอปพลิเคชันไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานในระบบคลาวด์ต่างๆ เพิ่มขีดความสามารถของ DevOps, Kubernetes, และการดำเนินงานคอนเทนเนอร์ และทีมพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณงานของแอปพลิเคชันและเข้าถึงสาเหตุที่รวดเร็วขึ้น ด้วย UX ของแดชบอร์ดที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรแบบใหม่ Wavefront ช่วยลดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาและลดเวลาการแก้ไขปัญหาผ่านระบบอัตโนมัติที่เกิดจากการแจ้งเตือนอย่างละเอียด Kubernetes ตรวจสอบปรับปรุงด้วยการค้นหาบริการอัตโนมัติสำหรับสภาพแวดล้อม Kubernetes รวมถึงการค้นพบแอปพลิเคชันและส่วนประกอบโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้การตั้งค่าเริ่มต้น
แดชบอร์ด Wavefront ยังเพิ่มความแข็งแกร่งในการตรวจสอบการใช้งานแอปพลเคชั่นด้วยการเพิ่มบันทึกการสืบค้นติดตาแบบกระจายที่เพิ่มมา โดยจะแสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะและประสิทธิภาพของ Kubernetes, แอปพลิเคชั่นแบบ Containerized และไมโครเซอร์วิสในภาพรวม

• VMware Cloud Marketplace, powered by Bitnami: VMware Cloud Marketplace ช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาและปรับใช้โซลูชั่นของบริษัทอื่นที่ผ่านการตรวจสอบรับรองสำหรับแพลตฟอร์มของวีเอ็มแวร์ โดยครอบคลุมสภาพแวดล้อมคลาวด์ทั้งแบบสาธารณะ ภายในองค์กร และแบบไฮบริด บริการตลาดกลางนี้พร้อมใช้งานแล้วสำหรับ VMware Cloud on AWS และพาร์ทเนอร์ VMware Cloud Provider โดยในแคตตาล็อกที่ประกอบด้วยโซลูชั่นแบบโอเพ่นซอร์สหลายร้อยรายการที่จัดทำแพ็คเกจโดย Bitnami ลูกค้าจะสามารถเรียกดู กรอง และเลือกเครื่องมือเฉพาะด้านที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า ส่วนบริษัทผู้ผลิตโซลูชั่นก็จะสามารถเผยแพร่โซลูชั่นสำหรับลูกค้าของวีเอ็มแวร์ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย โดยครอบคลุมหลายๆ แพลตฟอร์มของวีเอ็มแวร์ ปัจจุบัน VMware Cloud Marketplace ตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การแบ็คอัพ และการรักษาความปลอดภัย ผ่านทางโซลูชั่น ISV ของบริษัทอื่นๆ และตัวเลือกโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยม

• การย้ายระบบคลาวด์ (Cloud Migration): VMware HCX เป็นแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นแบบโมบิลิตี้ชั้นนำที่เปิดใช้งานการเคลื่อนย้ายและการโอนย้ายระบบคลาวด์ได้หลากหลายทั้งแบบระหว่างระบบเดิมที่อยู่ภายในองค์กรเองคือ (on-prem to on-prem), ระบบเดิมที่อยู่ภายในองค์กรสู่ระบบคลาวด์ (on-prem to cloud) หรือจากระบบคลาวด์สู่ระบบภายในองค์กร (cloud to on-prem) ตามแต่สถานการณ์ บริการ Cloud Migration Services สร้างขึ้นบน VMware HCX ลดความซับซ้อนของงานที่เกี่ยวข้องกับการระบุการวางแผนและการย้ายภาระงานไปยังไฮบริดคลาวด์ต่างๆ เปิดประสบการณ์ Cloud Migration ใหม่ บน VMware Cloud บน AWS วันนี้ผ่าน Cloud Console และในช่วงที่ผ่านเวิร์กโฟลว์อื่น ๆ ถูกวางแผนให้พร้อมใช้งานบน VMware Cloud บน AWS เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น VMware Cloud บน AWS Outposts และ VMware Cloud บน Dell EMC

• บริการการกู้คืนความเสียหายและการปกป้องข้อมูล (Disaster Recovery as-a-Service and Data Protection): วีเอ็มแวร์ร่วมมือกับเดลล์ อีเอ็มซี ในหลายๆ ด้าน เพื่อขยายทางเลือกให้แก่ลูกค้าสำหรับโซลูชั่นการกู้คืนระบบในรูปแบบของบริการ (Disaster Recovery as a Service – DRaaS) และโซลูชั่นการปกป้องข้อมูล โดยในเบื้องต้น บริษัททั้งสองจะร่วมกันนำเสนอโซลูชั่น DRaaS โดยใช้ AWS S3 สำหรับ VMware Cloud on AWS วีเอ็มแวร์และเดลล์ อีเอ็มซีจะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เดลล์ อีเอ็มซีสามารถนำเสนอโซลูชั่นการปกป้องข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับเวิร์กโหลดของวีเอ็มแวร์ที่รันบนระบบเครือข่ายหลัก ส่วนปลายทาง และระบบคลาวด์

• การสนับสนุนเชิงรุก (Proactive Support): VMware Skyline ที่พัฒนาโดย VMware Global Services เป็นเทคโนโลยีสนับสนุนเชิงรุกที่มีให้สำหรับลูกค้าที่มีสัญญาต่อเนื่อง (Production Support) หรือบริการพรีเมียร์ (Premier Services) Skyline จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะของลูกค้าโดยอัตโนมัติและปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในเชิงรุกและปรับปรุงเวลาในการแก้ไขปัญหา Skyline มีเพิ่มส่วนปรับปรุงใหม่ สำหรับบริการสนับสนุนเชิงรุก รวมถึงการตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ การอัพโหลดชุดข้อมูลล็อกโดยอัตโนมัติสำหรับ Horizon 7.10 และรุ่นสูงกว่า ผ่านทาง Log Assist และการบูรณาการเข้ากับ Dell EMC Support Assist จึงมอบบริการสนับสนุนที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าที่รันระบบของวีเอ็มแวร์และเดลล์ ทั้งนี้ VMware Skyline รวมอยู่ในการสมัครใช้แพ็คเกจบริการ Production Support และ Premier Support ของลูกค้า โดยลูกค้าที่ใช้บริการ Premier Support จะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์การรายงานขั้นสูงและบริการแก้ไขปัญหาจากตัวแทนบริการที่จัดไว้ให้โดยเฉพาะ

โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่สอดคล้องกันทั้งในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ และปลายทางของเครือข่าย (Edge)

VMware Cloud Foundation เปิดใช้งานแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ที่ครอบคลุมระบบคลาวด์สาธารณะหลักๆ ทั้งหมด เช่น AWS, Azure, Google Cloud, IBM Cloud รวมถึงพาร์ทเนอร์ VMware Cloud Verified อีกกว่า 60 รายทั่วโลก และวันนี้วีเอ็มแวร์ได้ประกาศข่าวเพิ่มเติมดังต่อไปนี้:

• VMware Cloud on Dell EMC: บริการ VMware Cloud บน Dell EMC จัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่เรียบง่าย ปลอดภัย และปรับขนาดได้ตามต้องการในรูปแบบของบริการให้แก่ดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้าที่ติดตั้งไว้ภายในองค์กรหรือปลายทางของระบบเครือข่าย โดยเป็นผลงานการออกแบบร่วมกันระหว่างวีเอ็มแวร์และเดลล์ เทคโนโลยีส์ และพร้อมใช้งานแล้วในสหรัฐอเมริกา VMware Cloud บน Dell EMC เป็นบริการที่สำคัญของโซลูชั่น Dell Technologies Cloud Data Center-as-a-Service ซึ่งมีการเปิดตัวที่งาน Dell Technologies World 2019 ที่ผ่านมา บริการ VMware Cloud on Dell EMC ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ด้านการประมวลผล สตอเรจ และระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูงของวีเอ็มแวร์ ขับเคลื่อนด้วย VMware vSphere, vSAN และ NSX ซึ่งผนวกรวมอย่างใกล้ชิดเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวอร์จ Dell EMC VxRail และนำเสนอในรูปแบบของบริการ บริการคลาวด์ดังกล่าวนี้ได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์โดยวีเอ็มแวร์ และผสานรวมความเรียบง่ายของระบบคลาวด์สาธารณะ ความคล่องตัว และการประหยัดค่าใช้จ่าย เข้ากับความปลอดภัย การควบคุม และประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งภายในองค์กร

• VMware Cloud on AWS: บริการ VMware Cloud บน AWS เป็นบริการที่ได้รับการออกแบบร่วมกันโดยการนำซอฟต์แวร์ระดับองค์กร Software-Defined Data Center ของวีเอ็มแวร์เข้ากับบริการ AWS Cloud ส่งมอบเป็นบริการตามความต้องการพร้อมการเข้าถึงบริการ AWS ที่ดีที่สุดทำให้ทีมไอทีสามารถใช้ประโยชน์จากทั้งสองที่ได้อย่างดี การเปิดตัวครั้งนี้มุ่งเน้นการโยกย้ายและปรับปรุงเวิร์กโหลดให้ทันสมัย โดย VMware HCX จะรองรับการโยกย้ายแบบกดปุ่ม และการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (SDDC) บน VMware Cloud on AWS ที่รันอยู่ในเขตพื้นที่อื่นของ AWS และการสนับสนุน Elastic vSAN จะช่วยปรับปรุงการปรับขนาดสตอเรจได้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่โยกย้ายแอปพลิเคชั่น ลูกค้าจะสามารถขยายขีดความสามารถของแอปพลิเคชั่นได้ด้วยการบูรณาการเข้ากับบริการ AWS แบบเนทีฟ

• VMware Tanzu: ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนวิธีการที่องค์กรสร้างซอฟต์แวร์บน Kubernetes โดยข้อเสนอแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ VMware Tanzu คือ VMware Tanzu Mission Control ตัวอย่างเทคโนโลยี Tanzu Mission Control จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการ Kubernetes ฟุตพริ้นท์ บนสภาพแวดล้อมที่มีความสอดคล้องที่สมบูรณ์ วีเอ็มแวร์ยังประกาศเปิดตัวอย่างเทคโนโลยีของ Project Pacific ซึ่งมุ่งเน้นที่การเปลี่ยน VMware vSphere ให้เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานใน Kubernetes ที่จะเปิดตัวในอนาคต สิ่งนี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถเร่งการพัฒนาและการทำงานของแอปที่ทันสมัยบน vSphere ในขณะที่ยังคงใช้ประโยชน์จากการลงทุนในเทคโนโลยี ชุดเครื่องมือและทักษะความรู้ที่มีอยู่เดิมได้

• รากฐานสำหรับไฮบริดคลาวด์ (Foundation for the Hybrid Cloud): VMware vSphere และ vSAN เป็นแบบการสร้างของ VMware Cloud Foundation โซลูชั่นชั้นนำของอุตสาหกรรมสำหรับไฮบริดคลาวด์ที่ขยายคำจำกัดความของ HCI โดยรวมความสามารถโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่สำคัญ ทั้งคอมพิวเตอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูลหรือสตอเรจ ระบบเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์คกิ้งและการจัดการระบบคลาวด์แบบรวม เมื่อเร็ว ๆ นี้วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัว vSphere และ vSAN รุ่นใหม่ซึ่งรวมพลังโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์ – คอนเวอร์เจนซ์ (HCI) ชั้นนำของอุตสาหกรรม VMware vSphere 6.7 อัพเดทเวอร์ชั่น 3 มอบความสามารถในการลดความซับซ้อนในการปฏิบัติงานและปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม การเปิดตัวได้แนะนำการรองรับใหม่สำหรับ GPU เสมือนของ NVIDIA GRID (vGPU) หลายตัวต่อเครื่องเสมือนเพื่อเปิดใช้งานกราฟิกมากขึ้นและคำนวณปริมาณงานที่ต้องใช้งานบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้รีลีสใหม่นี้เข้ากันได้กับโปรเซสเซอร์ AMD EPYC ™เจนเนอเรชั่นที่สอง VMware vSAN 6.7 อัพเดต 3 มอบโครงสร้างพื้นฐานพร้อมคอนเทนเนอร์ผ่าน Cloud Native Storage (CNS) ใหม่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชั่นยุคใหม่และความคล่องตัวในการจัดการแอปพลิเคชั่นที่สอดคล้องกันสำหรับคลาวด์ไฮบริด

เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์
วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน โซลูชั่นของวีเอ็มแวร์ ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์ เน็ตเวิร์คกิ้ง ระบบรักษาความปลอดภัย และดิจิทัล เวิร์คสเปซ (Digital Workspace) พร้อมนำเสนอเพื่อรากฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก ได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรในวงกว้าง สำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย วีเอ็มแวร์มุ่มมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างผลประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.vmware.com/company.html

VMware, VMworld, VMware Cloud, Cloud Foundation, vSphere, vSAN, NSX, vRealize, vRealize Operations, vRealize Automation, vRealize Suite, vCloud, vCloud Suite, CloudHealth, CloudHealth Hybrid, Wavefront, Bitnami, VMware Cloud Marketplace, VMware Cloud Provider, VMware HCX, Skyline, Bitfusion, Tanzu, และTanzu เป็นเครื่องหมายทางการค้าของวีเอ็มแวร์ อิงค์ หรือ บริษัทในเครือในประเทศสหรัฐอเมริกาและเขตอื่นๆ