Data Fabric: ขับเคลื่อนอนาคตของ Hybrid Multicloud
เชื่อว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีภาคอุตสาหกรรมไหนที่เผชิญความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองมากเท่าผู้ให้บริการด้านการเงินและธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป และยังเพิ่มความซับซ้อนทางเทคโนโลยีที่ทุกบริษัทต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว
วิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2550 – 2551 ส่งผลให้เงื่อนไขทางการตลาดและการกำกับดูแลสำหรับธุรกิจธนาคารและประกันภัยเข้มงวดมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับผู้ให้บริการหน้าใหม่ สร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ให้บริการที่มีอยู่เดิม และสิ่งที่เกิดขึ้นคูู่ขนานกันคือยุคแห่งการปรับโครงสร้าง ลดทอนและการปรับองค์กรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากตามความคาดหวังของลูกค้า ยุคใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว สำหรับองค์กรที่ติดกับดักวัฒนธรรมความเฉื่อยขององค์กรที่ฝังแน่นและยึดติดกับต้นทุนทางโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ความมั่นคงต่อการเปลี่ยนแปลงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันคือความท้าทาย
ในบทความนี้ จะพูดถึงผลสำรวจเทรนด์มหภาค เพื่อดูว่า เทรนด์เหล่านั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างไร และอีกด้านหนึ่งนำเสนอข้อมูลกลยุทย์ทางด้านไอทีและการลงทุน
การศึกษาของเน็ตแอพเน้นพฤติกรรมการใช้จ่ายและความมุ่งมั่นของบริษัททางการเงินที่ใหญ่ที่สุดที่ดำเนินการอยู่ในยุโรปชี้ให้เห็นว่าคนในภาคธุรกิจจัดการกับความวุ่นวายอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันแนวโน้มการไปสู่คลาวด์ในขณะที่ยังสงสัยในการคาดการณ์อนาคตของการใช้คลาวด์อย่างเดียว ข้อมูลเชิงลึกยังแสดงถึงการปรับการลงทุนกว่า ห้าพันล้านเหรียญสหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์คลาวด์ยืนยันว่า ธุรกิจสถาบันการเงินกำลังมุ่งสู่ hybrid cloudโดยลงทุนทั้ง on-premise และ public cloud แบบ hybrid และใช้บริการจากผู้ให้บริการคลาวด์มากกว่าสองรายขึ้นไป (Multicloud)
การใช้งานสองระบบสร้างความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งข้อมูลที่กระจัดกระจาย ความซับซ้อนของการจัดการและประสบการณ์ผู้ใช้ที่จะต้องมีการหารือ นอกจากนี้เราจะสำรวจให้เห็นว่า data fabric สามารถช่วยคุณสร้างโครงสร้างข้อมูลตามความต้องการเพื่อจัดการกับสภาพแวดล้อมที่ต้องเชื่อมประสานของ multicloud
โดยมีเจ็ดประเด็นสำคัญจากข้อมูลเชิงลึกและข้อแนะนำต่างๆ ดังนี้
#1 คลาวด์จะกำหนดอนาคต แต่ไม่ได้ครอบงำอนาคต
จากข้อมูลการศึกษาของเน็ตแอพในเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่ายของธุรกิจการเงินและธุรกิจประกันภัยชั้นนำในยุโรป เงินลงทุนประมาณไอทีประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเอาไปใช้บริการคลาวด์ ซึ่งจะประมาณ 14 เปอร์เซ็นของงบประมาณไอทีที่ตั้งไว้สำหรับคลาวด์ เป็นตัวเลขที่เติบโตเร็วที่สุดของงบไอทีทั้งหมด การจัดเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิม ความเป็นเจ้าของและการควบคุมสภาพแวดล้อมยังเป็นสิ่งที่องค์กรต้องการรักษาไว้เพื่อความเร็ว การควบคุม เพื่อความเป็นอิสระและสมบูรณ์ของข้อมูลอนาคตของ hybrid multicloud
#2 การประมวลผลแบบไฮบริด (Hybrid Computing) ให้ความหลากหลาย
การใช้ public และ private cloud ควรมีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ชัดเจน และใช้งานคลาวด์ตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ด้วยการพิจารณาว่าแอปพลิเคชั่นที่ใช้เหมาะกับอะไร แล้วจึงปรับและยกระดับการใช้งาน เพื่อประสิทธิผลสูงสุุด”
#3 Hybrid, Multicloud Computing ให้ผลลัพธ์การประมวลผลข้อมูลแบบใหม่
ประโยชน์ของการประมวลผลแบบไฮบริด คือการรวบข้อมูลมาไว้ด้วยกันเพื่อการประมวลผล ซึ่งความท้าทายก็คือการโอนถ่ายข้อมูลจากสภาพแวดล้อมหนึ่งไปอีกแบบหนึ่ง ทั้งในเรื่องของความเร็ว การโอนถ่ายข้อมูล รวมถึงที่ตั้ง สิ่งเหล่านี้จึงต้องมีการการวางแผนอย่างรัดกุม
#4 Multicloud มักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายแอบแฝง พึงระวัง
Egress มาจากภาษาลาตินที่มีความหมายว่า “กำลังออกไป” หรือ “ทางออก” การย้ายคลาวด์ ไม่ว่าจากคลาวด์ไปคลาวด์ หรือจากคลาวด์ไปยังระบบภายในองค์กร จะมีค่าใช้จ่ายในการย้ายซึ่งจะทราบก็ต่อเมื่อต้องการที่จะย้ายคลาวด์ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับในเรื่องของการย้ายคลาวด์
#5 ค่าใช้จ่ายคลาวด์ไปอยู่ที่ซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐาน
ข้อมูลเชิงลึกของเน็ตแอพเผยว่าเงินหลายพันล้านดอลล่าร์ข้างต้นที่บริษัทการเงินชั้นนำในยุโรปใช้ ประมาณ 44% ถูกใช้ไปกับบริการ software-as-a-service และ 37% ในโซลูชั่นบริการ infrastructure-as- a-service ซึ่งถ้าพิจารณาใช้ platform-as-a-service และ desktop-as-a-service งบประมาณจะอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็น ของค่าใช้จ่ายคลาวด์
#6 IoT มีบทบาทที่สำคัญ
สถาบันการเงินในยุโรปใช้เงินเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ กับระบบอินฟราสตรักเจอร์และบริการของ Internet of Things มีเหตุผลสำคัญอย่างน้อยสอง ประการคือ เซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำให้เกิดข้อมูลที่จะต้องประมวลผล และจัดการ ประการที่สององค์กรต้องแก้ไขปัญหาของการรวมระบบของ on premise และ public cloud
#7 ปลดล็อกพลัง AI
จากการคาดการณ์ บริการที่ใช้ AI จะมีมูลค่าถึง 9.5 ล้านล้าน – 15.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก AI องค์กรต้องจัดระเบียบและใช้ข้อมูลในระบบอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง การเก็บข้อมูลแบบ Silo (Data Silos) และความซับซ้อนของเทคโนโลยีทำให้เกิดความท้าทายที่สำคัญเช่นเดียวกับปริมาณของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของ structure, unstructured และ semi-structured data ข้อมูลที่จำเป็นต้องจัดเก็บ แชร์ และประมวลผล องค์กรจะสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ด้วยการใช้วิธีการรวบรวมข้อมูล
คลาวด์จะเป็นตัวกำหนดอนาคต
การใช้จ่ายด้านไอทีขององค์กรจะเปลี่ยนจากโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิมเป็นบริการคลาวด์ภายในปี 2565 อยู่ที่ 5 พันล้านเหรีญสหรัฐ
สำหรับบริการทางการเงินและธุรกิจประกันภัยในปัจจุบัน การตอบสนองต่อแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกและการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาด- ไฮบริดและมัลติคลาวด์เป็นสภาพแวดล้อมการดำเนินงานตามธรรมชาติ
สำหรับองค์กรแบบเดียวกันนั้นเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้ได้มากที่สุดและกระบวนการต้องใช้โครงสร้างข้อมูล ท้ายที่สุดหากพนักงานในทุกระดับไม่เพียง แต่ทีมผู้บริหารไม่สามารถเข้าถึงระบบธุรกิจอัจฉริยะพวกเขาจะไม่สามารถตัดสินใจด้วยข้อมูลได้ และหากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่สามารถเข้าถึงได้พวกเขาจะไม่สามารถสร้างแอปและบริการที่ตอบสนองต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์
บทความโดย: เน็ตแอพ