องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกประเทศไทย จับมือพันธมิตร 8 องค์กรใหญ่ ลงนามความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ประสบภัยพิบัติในประเทศไทย
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกประเทศไทย จับมือพันธมิตร 8 องค์กรใหญ่ ลงนามความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ประสบภัยพิบัติในประเทศไทย ผ่านโครงการ #DontForgetThem
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย จัดโครงการ #DontForgetThem พร้อมร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยจับมือภาคีพันธมิตร 8 องค์กร ได้แก่ กรมปศุสัตว์, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กองทัพบกโดยกรมการสัตว์ทหารบก, สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย, สมาคมสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทย์แห่งประเทศไทย โดยมี สมาพันธ์สมาคมสัตวแพทย์แห่งเอเชีย FAVA และสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน ซึ่งจะดำเนินการช่วยเหลือสัตว์ที่ประสบภัยพิบัติในประเทศไทย โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนของภาครัฐผ่านการร่างแผนปฎิบัติการเพื่อการให้ความช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงในภาวะภัยพิบัติ และภาคประชาชนที่นำโดยองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ภายใต้โครงการ #DontForgetThem ที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์และกระตุ้นเจ้าของสัตว์เตรียมการรับมือกับการเกิดภัยพิบัติ อาทิ อุทกภัย อัคคีภัย และวาตภัย เพื่อให้การดูแลปกป้องสัตว์เป็นไปอย่างครบครันและพร้อมเพรียง ณ โรงแรมสุโกศล
โดยกิจกรรมในครั้งนี้เป็นผลการดำเนินงานที่สืบเนื่องจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 2011 ซึ่งในขณะนั้นองค์กรต่างๆ ยังไม่มีความร่วมมือในการปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือสัตว์อย่างเป็นระบบ จึงทำให้การจัดการทรัพยากรด้านยา เวชภัณฑ์ บุคลากร และเครื่องใช้ รวมไปถึงยานพาหนะถูกจัดสรรไปใช้อย่างไม่ทั่วถึงในพื้นที่ประสบภัย ส่งผลให้คณะทำงานเกิดแนวความคิดที่จะรวบรวบหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานให้ความช่วยเหลือ หรือที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกๆ ด้านมาร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาในด้านองค์ความรู้, การประสานงาน, ขั้นตอนและเทคนิคในการจัดการภัยพิบัติสำหรับสัตว์ รวมถึงลดช่องว่างและลดการทับซ้อนในการทำงานเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น โดยจุดประสงค์ของบันทึกความเข้าใจครั้งนั้น มีหลักใหญ่ 2 ข้อคือ
1. เพื่อให้เกิดการร่างแผนปฎิบัติการอันเป็นรูปธรรมในการให้ความช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ
2. เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และพัฒนา
และในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2013 ทั้ง 9 องค์กรหลักด้านการดูแลสัตว์ของประเทศไทยจึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติของประเทศไทย และเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมาทั้ง 9 องค์กรได้เห็นพ้องกันเพื่อร่วมขับเคลื่อนให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ของการร่วมมือ โดยเสนอให้มีการแก้ไขรายละเอียดของบันทึกบางประการ เพื่อให้พันธกิจชัดเจนและกระชับเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคอีสานครั้งล่าสุด ส่งผลให้หลายคนได้เห็นภาพสัตว์เลี้ยงประสบภัยมากมาย ทั้งบนสื่อโซเชียลและสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมากรมปศุสัตว์มีการดำเนินงานเพื่อดูแลสัตว์ในส่วนของปศุสัตว์ไว้แล้ว ทำให้เหตุอุทกภัยครั้งล่าสุดบรรดาสัตว์ต่างๆ ได้รับการเตรียมการและช่วยเหลืออย่างเป็นขั้นตอน
นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวถึงการร่วมลงนามในครั้งนี้ว่า “ในการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เป็นการตกลงร่วมกันในเชิงสัญลักษณ์หรือนามธรรมว่าจะมีการร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือสัตว์ ทั้งก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในส่วนของภาครัฐ โดยทางกรมปศุสัตว์ได้มีการร่างแผนเพื่อจัดการภัยพิบัติขึ้น โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และอีกส่วนหนึ่งของงานที่ริเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมไปแล้ว คือ โครงการรณรงค์ #DontForgetThem เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของสัตว์ รู้ตัวว่าตนเองมีหน้าที่เตรียมการก่อนเกิดภัย และดำเนินการดูแลสัตว์ของตนในขณะเกิดภัยอีกด้วย เรามองว่าปัญหาภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องไกลตัวของใครเลย และการจัดการภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องของใครเพียงแค่คนเดียวด้วย เราอยากให้ทุกคนอย่าลืมสัตว์เลี้ยง หรือทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลังอย่างโดดเดี่ยว เพราะพวกเขาพูดไม่ได้และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนมนุษย์ ดังนั้นเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นนอกจากจะเตรียมตัวเราเองแล้ว ก็อยากให้ทุกคนนึกถึงการเตรียมพร้อมสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยทุกครั้ง”
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้ที่ www.worldanimalprotection.or.th
###
เกี่ยวกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก หรือ World Animal Protection เป็นองค์กรเพื่อคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพสัตว์ และยุติการทารุณกรรมสัตว์อย่างถาวร โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 มีบทบาทในการให้คำปรึกษากับองค์การสหประชาชาติและสภายุโรป ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ สร้างความแตกต่างให้สัตว์ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ถูกทารุณกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยดำเนินงานครอบคลุมทั้งสัตว์ในชุมชน – สุนัข , สัตว์ป่า, สัตว์ประสบภัยพิบัติ – ช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ การจัดหาอาหาร ที่อยู่และยารักษาโรคให้กับสัตว์, สัตว์ในฟาร์ม รวมถึงการให้ความรู้ด้านปศุสัตว์ที่มีมนุษยธรรมอันส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนและสัตว์ ข้อมูลเพิ่มเติม www.worldanimalprotection.or.th /