วสท. จับมือ ขสมก. ร่วมพัฒนาซ่อมบำรุงและนวัตกรรมรถเมล์ไทย
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายก วสท. ลงนามในสัญญาความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม กับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยคุณปราณี ศุกระศร กรรมการบริหารกิจการองค์การ และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านมาตรฐานวิชาชีพวิศวกรรมและการซ่อมบำรุงด้วยมาตรฐานอินเตอร์ เผยแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและรถโดยสาร ปี 2559 เตรียมนำรถใหม่ NGV มาบริการ 3,183 คัน เพื่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนและประหยัดพลังงาน ปรับปรุงบริการสู่ความทันสมัยและปลอดภัยด้วยระบบ CCTV และ GPS เพื่อควบคุมการเดินรถอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าเริ่มติดตั้งระบบตั๋วร่วม E-Ticket เชื่อมกับระบบรางและเรือโดยสาร กำหนดเสร็จธันวาคม 2559
ในโอกาสนี้ได้จัดเสวนา เรื่อง “ก้าวใหม่รถเมล์ไทย…เพื่อคุณภาพชีวิต ประสิทธิภาพเมืองและสิ่งแวดล้อม” และนิทรรศการรถเมล์ไทย ณ อาคาร วสท.
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (Prof.Dr.Suchatvee Suwansawat) นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า “ในแต่ละวันมีผู้ใช้รถเมล์ราว 5 ล้านคนหรือ ประมาณกว่า 80 % ของยอดผู้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ในการปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนจะประสบผลสำเร็จได้ เราต้องพัฒนาเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานครฯ ที่มีประชากรเกือบ 7 ล้านคน และเมืองหลักในประเทศไทยให้เป็น Smart & Sustainable City เป็นเมืองที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนด้วย มีการเดินทางด้วยรถเมล์ที่สะดวกทันสมัย มีความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน ถนอมรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีและเกื้อกูลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ความร่วมมือระหว่าง วสท. และ ขสมก.ในด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ในระยะ 2 ปี (2558-2559) มีขอบข่ายความร่วมมือเพื่อแสดงเจตนารมย์ร่วมกันในความรับผิดชอบต่อสังคม(CSR) ส่งเสริมพัฒนาวิชาการด้านวิศวกรรมความปลอดภัยและที่เกี่ยวข้องกับรถโดยสาร ขสมก. พัฒนาศักยภาพบุคลากรและมาตรฐานวิชาชีพด้านความปลอดภัยและยานยนต์ให้ก้าวไกล ตอบรับการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอลและประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ยังแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่าง 2 องค์กร โดย วสท.จะจัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาฝึกอบรมเสริมความรู้ ทักษะในการซ่อมบำรุงรถให้กับพนักงานช่าง ขสมก. เพื่อการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงาน อีกทั้งเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ในรถโดยสาร ขสมก.ในอนาคต เช่น รถโดยสารประหยัดพลังงาน อุปกรณ์ควบคุมรถที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น
รถเมล์นับเป็นระบบขนส่งมวลชนที่เปรียบเสมือนเส้นโลหิตสำคัญที่หล่อเลี้ยงการดำเนินชีวิตและการคมนาคมขนส่งของเมืองโดยสามารถเชื่อมต่อและส่งป้อนผู้โดยสารเข้าสู่โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางและทางน้ำในปัจจุบันและอนาคต ในขณะที่รัฐบาลกำลังเข้าสู่โหมดการปฏิรูประบบคมนาคมขนส่งนั้น คนไทยอยากเห็นรัฐบาลให้ความสำคัญในการยกระดับและพัฒนาบริการรถเมล์ในกทม.และเมืองหลักอย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับบริการสาธารณะ เมืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และลดผลกระทบด้านการจราจรและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมนวัตกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ขสมก.กำลังศึกษาวิจัยถึงรถเมล์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นแนวโน้มของโลกเพื่อเป็นอีกทางเลือกของการสัญจรที่ประหยัดพลังงาน ไร้มลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
คุณปราณี ศุกระศร (Mrs.Pranee Sugrasorn) กรรมการบริหารกิจการองค์การ และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า “ขสมก. กำลังก้าวสู่ปีที่ 39 ของการดำเนินงาน การจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง ขสมก.กับ วสท. ซึ่งเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งด้านวิชาการและความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีนั้นสืบเนื่องจากโครงการร่วมใจเสริมสร้างความปลอดภัย ระหว่างขสมก. กับสถาบันด้านยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม(CSR) จะมีส่วนสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพด้านการซ่อมบำรุงรถโดยสาร และด้านคุณภาพบริการของ ขสมก. ความร่วมมือกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) จะสนองตอบการพัฒนารถโดยสารโดยสอดคล้องกับ 3 ยุทธศาสตร์หลักของ ขสมก. คือ 1.การเพิ่มรายได้ 2.การลดรายจ่าย 3.การยกระดับคุณภาพบริการ และ 13 โครงการตามแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารรวม 3,011 คัน มีรถปลดระวางและไม่ต่อสัญญา 495 คัน คงเหลือรถที่ออกวิ่งให้บริการ 2,516 คัน แต่เนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน 18 – 20 ปี สภาพรถจึงเก่าและทรุดโทรม ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง มีรถจอดเสียในเส้นทางบ่อยครั้ง รถมีควันดำ ในจำนวนรถทั้งหมดแบ่งเป็นรถใช้ NGV 450 คัน รถใช้น้ำมันดีเซล 2,550 คัน การบำรุงรักษา เราจะพัฒนาระบบการซ่อมบำรุงที่มีมาตรฐานการดำเนินงาน ปรับปรุงรถเก่าให้มีสภาพดีและพร้อมใช้งาน ลดอัตรารถเมล์จอดเสียในเส้นทางลง ตามแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ภายในปี 2559 ขสมก.จะพัฒนายกระดับคุณภาพบริการประชาชนด้วยรถใหม่ที่ใช้ NGV เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จำนวน 3,183 คัน โดยประหยัดพลังงานค่าเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ปีละ 2,800 ล้านบาท ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. งวดแรกรัฐบาลให้จัดซื้อมา 489 คัน อยู่ระหว่างพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้ายื่นซองประกวดราคาของคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา โดยรถใหม่จะเพิ่มความสะดวก ปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้รถ NGVใหม่จะติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด CCTV และระบบ GPS ควบคุมการเดินรถ พร้อมตั้งศูนย์ควบคุมระบบการเดินรถให้แล้วเสร็จภายในช่วงปี 2558 – 2559 สำหรับต้นแบบระบบ GPS เป็นรถเมล์สาย ปอ. 140 (แสมดำ – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการคือ สามารถรู้ได้ว่ารถคันต่อไปจะมาภายในกี่นาที ขสมก.สามารถทราบจำนวนผู้ใช้บริการ ทำให้สามารถบริหารจัดการเดินรถโดยการลดหรือเพิ่มจำนวนรถบนเส้นทางให้สอดคล้องกับปริมาณของผู้โดยสารแต่ละช่วงเวลาและพื้นที่ อีกทั้งสามารถสื่อสารกับพนักงานขับรถโดยสารบนเส้นทางที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้ด้วย นอกจากนี้ ขสมก. ยังให้ความสำคัญกับอารยสถาปัตย์ โดยรถโดยสาร ขสมก. รุ่นใหม่จะออกแบบให้เป็นรถชานต่ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สูงอายุและผู้พิการ ทั้งนี้ ขสมก. ได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร ในการทีจะปรับปรุงแก้ไขสภาพถนนและแก้ไขระดับคอสะพานจำนวน 18 จุด ไม่ให้สูงเกินไป เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อรถโดยสารชานต่ำ สำหรับแผนงานในอนาคต ขสมก. ในด้านการพัฒนาตั๋วร่วม (E-Ticket) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ในการเดินทางเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น เช่น รถไฟฟ้าหรือขนส่งทางรางและเรือโดยสารนั้น ความคืบหน้าในขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นเจ้าภาพ ได้ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาในการออกแบบระบบจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (E-Ticket) ขสมก. จึงมีนโยบายนำระบบ E-Ticket มาใช้บนรถโดยสาร โดยเริ่มติดตั้งระบบ E-Ticket เดือนมีนาคม – พฤศจิกายน 2559 ระบบจะสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2559 เมื่อคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ขสมก. จะนำระบบ E-Ticket ตามมาตรฐานที่กำหนดมาติดตั้งในรถโดยสารที่จัดซื้อใหม่ 489 คัน ต่อไป”
นายธนรัตน์ ตั้งประจักษ์ภักดี (Thanarut Tangprajakpakdi) จาก ชมรมคนรักรถเมล์ ซึ่งได้มาจัดนิทรรศการรถเมล์ไทย ณ อาคาร วสท.ประกอบด้วยโมเดลจำลองรถเมล์รุ่นต่างๆ เกมทดสอบแบบจำลองการเดินรถเมล์บนเส้นทางต่างๆ กิจกรรมของชมรมคนรักรถเมล์เพื่อสาธารณประโยชน์ กล่าวว่า “ทุกคนล้วนเคยโดยสารรถเมล์มาก่อนทั้งนั้น ถึงแม้กรุงเทพฯจะมีรถไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ คิดว่าประชาชนกว่าครึ่งยังคงใช้บริการรถเมล์ เราอยากเห็นรถเมล์ของไทยเจริญก้าวหน้า มีมาตรฐานสากล สะอาด ปลอดภัยและตรงต่อเวลา ไม่ต้องรอนาน ดังเช่นรถเมล์ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีการส่งเสริมยกระดับบริการและการเดินรถอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่หันมาใช้บริการรถเมล์ เนื่องจากคุณภาพของตัวรถและบริการที่ดี ตรงต่อเวลา ส่งผลดีต่อการพัฒนาเมืองให้มีความคล่องตัว ลดมลพิษ สร้างรายได้ให้กับการขนส่งมวลชน พนักงานรถเมล์ควรได้รับการอบรมให้มีหัวใจบริการและรักรถ จะช่วยทำให้เป็นรถเมล์ที่น่านั่ง ลดอุบัติเหตุและสนองตอบวิถีชีวิตเร่งรีบในปัจจุบัน”
ความร่วมมือของทั้งสององค์กรจะนำไปสู่การพัฒนาขนส่งมวลชนด้วยรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพและก้าวไกล สอดคล้องกับการปฎิรูปคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน เศรษฐกิจยุคดิจิตอลและวิถีประชาคมอาเซียน