1

มูลนิธิเอสซีจี เชิญ “คำจากพ่อ” สู่หนังสือภาพเล่มพิเศษ พร้อมนำทัพศิลปินแถวหน้าร่วมรังสรรค์ “บันดาลแรงใจ” ให้เด็กไทย

น้ำเสียงอ่อนโยน และอ้อมกอดอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ ประกอบกับ ‘หนังสือภาพ’ ดีๆ สักเล่ม ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทรงพลัง ที่จะทำให้พ่อแม่และลูกน้อยได้ใช้ช่วงเวลาคุณภาพร่วมกันด้วยการเล่านิทาน อ่านหนังสือ ให้ลูกน้อยฟัง ลูกน้อยจะจดจำสัมผัสและน้ำเสียงของคุณพ่อคุณแม่ที่ตั้งใจสื่อความรักให้แก่พวกเขาได้ และภาพที่อยู่ในหนังสือจะทำให้เด็กๆ เกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างการเรียนรู้ให้พวกเขาได้ตั้งแต่ยังเล็ก ก่อให้เกิดเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่งดงาม หยั่งรากลึกลงในใจของลูกน้อยไปแสนนาน

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิเอสซีจี ซึ่งมีพันธกิจในการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของ ‘คน’ โดยมุ่งเน้นที่เด็กและเยาวชน จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “นำหนังสือดีสู่เด็กไทย” ขึ้นในปี พ.ศ.2551 และได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งครบ 10 ปีในปัจจุบัน โดยการคัดสรรหนังสือภาพสำหรับเด็กชั้นนำระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการด้านการศึกษาและนักสร้างสรรค์หนังสือเด็กจากทั่วโลกว่า มีทั้งความดีงามในด้านสาระเนื้อหา และมีความงดงามทางศิลปะ เหมาะแก่การอ่านให้ลูกน้อยวัยแรกเกิด – 6 ขวบ ฟัง มาสู่เด็กไทยทุกคนให้มีโอกาสได้รับการพัฒนาผ่านหนังสือภาพอย่างเท่าเทียม พร้อมกับรณรงค์เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในช่วงวัยดังกล่าวได้นำหนังสือภาพไปใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาลูกน้อย ผ่านกระบวนการ ‘เล่านิทาน อ่านหนังสือ’ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการต่างๆ ให้พวกเขา อาทิ พัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา รวมถึงพัฒนาการทางอารมณ์และสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “ในแต่ละปีเราได้ทำงานร่วมกับ กองบรรณาธิการ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในวงวิชาการหนังสือภาพสำหรับเด็กและนักประพันธ์หนังสือภาพสำหรับเด็กชื่อดังระดับประเทศคัดสรรหนังสือภาพสำหรับเด็กชั้นนำระดับโลกมาให้เด็กไทยได้อ่านกัน ซึ่งมีชุดหนังสือภาพในโครงการตั้งแต่เริ่มต้น – ปัจจุบัน เป็นเวลา 10 ปีแล้ว รวมแล้วจำนวน 50 เรื่อง โดยในปี พ.ศ. 2560 นี้ มูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือภาพสำหรับเด็กจำนวน 5 เรื่อง ซึ่งมีเล่มพิเศษเรื่อง “บันดาลแรงใจ” ที่เป็นความปิติยินดีของมูลนิธิเอสซีจีที่ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท และพระราชปรารภ คัดตัดตอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรากฏในหนังสือภาพเล่มนี้ และมีศิลปิน นักวาดภาพสำหรับเด็กชั้นแนวหน้าของเมืองไทย 12 คน มาช่วยกันวาดภาพประกอบในแต่ละตอน ด้วยเทคนิคที่น่าสนใจและหลากหลาย อาทิ เทคนิคสีผสมระหว่างสีน้ำ-สีไม้-สีหมึกปากกา เทคนิคสีอะคริลิค เทคนิคไดคัท และเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิค เป็นต้น จากความตั้งใจรังสรรค์ผลงานจากศิลปินทุกท่านในครั้งนี้ ภาพทุกภาพจึงมีความงดงามในด้านศิลปะ สีสันดึงดูดสายตา นอกจากนี้ เนื้อหาจากพระบรมราโชวาทจะทำให้ผู้อ่านซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านได้ทรงงานอย่างหนักตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ซึ่งมูลนิธิฯ ตั้งใจนำพระราชดำรัส พระบรม-ราโชวาท และพระราชปรารภ ของพระองค์ท่านมาถ่ายทอดให้เด็กและเยาวชนได้น้อมนำไปปฏิบัติโดยมีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไป” กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าว

ด้าน ครูชีวัน วิสาสะ นักเขียน นักวาดภาพประกอบ และบรรณาธิการหนังสือภาพสำหรับเด็ก หนึ่งในศิลปินผู้ออกแบบ และวาดภาพหน้าปก หนังสือภาพเรื่อง “บันดาลแรงใจ” บอกเล่าถึงแนวคิดในการออกแบบว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท และพระราชปรารภของในหลวงรัชกาลที่ 9
“ภาพหน้าปกนั้นได้นำคาแรคเตอร์จากภาพวาดของทั้ง 12 ศิลปินในเล่มมาร้อยเรียงให้เป็นตัวอักษร และนำมาประกอบกันเป็นชื่อหนังสือ “บันดาลแรงใจ” ส่วนสัญลักษณ์ข้าวหลามตัดสีทองที่เรียงแถวละ 7 อัน ทั้งหมด 10 แถว และสัญลักษณ์จุดกลมสีชมพูประกอบกัน 126 จุดเป็นรูปหัวใจนั้น ต้องการสื่อถึงจำนวนปีที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราทรงครองราชย์ คือ 70 ปี กับอีก 126 วัน ผมเชื่อว่าหน้าปกของหนังสือเล่มนี้จะดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ได้พอสมควร อีกทั้งยังแฝงความหมายที่ดีเพื่อสื่อให้ทุกท่านได้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านอยู่เสมอ และการอ่านหนังสือภาพเล่มนี้ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองควรอ่านไปพร้อมๆ กับลูกน้อย ด้วยการเปล่งเสียงดังพอประมาณ และชัดเจน นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ควรจะสังเกตจากรูปภาพที่ลูกๆ สนใจ ว่าพวกเขาชอบแบบไหน และให้เริ่มอ่านแบบนั้นก่อน แล้วค่อยหาวิธีการอ่านเฉพาะตัวของท่านเอง” ครูชีวัน กล่าว

อีกหนึ่งศิลปินที่ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานในหนังสือภาพเล่มนี้ รองศาสตราจารย์เกริก ยุ้นพันธ์ นักเขียน นักวาดภาพประกอบหนังสือชื่อดังสำหรับเด็ก บอกถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมรังสรรค์หนังสือภาพอันทรงคุณค่าเล่มนี้ว่าตนรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือภาพเล่มนี้
“โจทย์ของผมนั้น ถือว่าเป็นหัวข้อที่ยากที่สุดเพราะเป็นเรื่องของความรักและสามัคคี ซึ่งค่อนข้างเป็นนามธรรมมากๆ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้ถ่ายทอดภาพวาดนี้ออกมาเพื่อแสดงให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าใจถึงความรักและสามัคคีต่อกัน ภาพที่ผมได้เขียนนี้ได้แฝงนัยยะผ่านการบรรเลงเครื่องดนตรีเป็นกลุ่ม ถ้าเราเล่นเครื่องดนตรีไปในทิศทางเดียวกัน จิตใจของเราก็จะอยู่ในทิศทางเดียวกันด้วย เปรียบเสมือนความจงรักภักดีที่คนไทยทุกคนมีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ผมจึงนำเสนอออกมาในเชิงรูปธรรมให้พวกเราทุกคนเข้าใจได้ง่ายว่าต้องรักและสามัคคีกันเหมือนดั่งเช่นนักดนตรีที่เล่นดนตรีในวงเดียวกัน ซึ่งต้องประสานสอดรับกันเป็นเพลงที่ไพเราะ และผมขอชื่นชมว่าหนังสือเรื่องนี้ทรงคุณค่ามาก เพราะจะทำให้เด็กไทยมีแบบอย่างที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิต” รองศาสตราจารย์เกริก กล่าว

ขณะที่ “แป้ง” ภัทรีดา ประสานทอง หนึ่งในศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์หนังสือภาพ “บันดาลแรงใจ” ได้แบ่งปันความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานหนังสือภาพเล่มนี้ว่า
“รู้สึกเป็นเกียรติแก่ชีวิตอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ในขณะที่วาดภาพได้ใช้ความพยายามในการวาดตัวละครให้เหมาะกับเด็กๆ โดยยังคงความเป็นคาแรคเตอร์เฉพาะตัวของเรา เพื่อให้พวกเขาดูแล้วสนุกและสามารถนำไปคิดต่อตามจินตนาการของเขาได้ ซึ่งตัวละครทุกตัวที่อยู่ในภาพที่แป้งวาด จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ครอบครัวหันมาพูดคุย แบ่งปันความคิด และใช้เวลาว่างร่วมกันได้เป็นอย่างดี” ภัทรีดา กล่าว

ด้าน น้องพี ด.ญ ฐิตาอำไพ ม่วงมณี อายุ 11 ปีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ เล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ตนเองได้เห็นและเปิดอ่านหนังสือภาพเรื่อง “บันดาลแรงใจ” ว่า “หนังสือเล่มนี้มีความพิเศษมาก ภาพสวยทุกภาพเลย สีสันก็สดใส น่าสนใจและดึงดูดให้อยากเปิดอ่าน ส่วนเนื้อหาในเล่มอาจจะยากสำหรับเด็กอย่างหนูไปสักนิด แต่หนูมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยอธิบาย และน่าจะแนะนำให้หนูเข้าใจได้ไม่ยาก และทำให้หนูกับคุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาและได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วยค่ะ” ด.ญ ฐิตาอำไพ กล่าว

สำหรับหนังสือภาพเล่มอื่นๆ ในโครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย ปีที่ 10 นั้น มูลนิธิฯ ได้ร่วมกับกองบรรณาธิการ คัดสรรหนังสือภาพชั้นนำระดับโลกมาแปล และจัดพิมพ์ ได้แก่เรื่อง “กอด” “สีฟ้าเล็กเล็ก กับ สีเหลืองเล็กเล็ก” และ “ทำไม” ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กวัยแรกเกิด-2 ขวบ วัย 2-4 ขวบ และวัย 4-6 ขวบ ตามลำดับ พร้อมนี้ มูลนิธิฯ ได้นำหนังสือภาพทั้ง 3 เรื่องออกจำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อเพิ่มโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองได้เข้าถึงหนังสือภาพคุณภาพดีและนำไปช่วยพัฒนาลูกน้อยได้ง่ายและแพร่หลายยิ่งขึ้น โดยรายได้ทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายหนังสือภาพ มูลนิธิฯ จะนำสมทบเข้า ‘กองทุนนำหนังสือดีสู่เด็กไทย’ เพื่อจัดพิมพ์หนังสือภาพและนำไปมอบให้แก่โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กไทยได้มีโอกาสเข้าถึงโลกแห่งหนังสืออย่างทัดเทียมกัน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ไหนก็ตาม

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ได้จัดทำหนังสือภาพสำหรับเด็กผู้บกพร่องทางการมองเห็นเรื่อง “คุณเงาใจดี” โดยร่วมกับ ครูทองย้อย เชียงทอง อาจารย์ประจำโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ และผู้เชี่ยวชาญในเทคนิคการสร้างภาพประกอบนูนจากสิ่งต่างๆ รอบตัว หนังสือภาพเล่มนี้ใช้เทคนิคการพิมพ์นูนลงบนกระดาษเบรลล์ลอนที่มีความทนทาน เหมาะกับการสัมผัสจากเด็กบกพร่องทางการมองเห็นได้หลายครั้ง ซึ่งมูลนิธิฯ จะนำไปบริจาคยังโรงเรียนสอนคนตาบอดและศูนย์การศึกษาพิเศษทั่วประเทศ

ผู้สนใจสามารถหาซื้อชุดหนังสือภาพสำหรับเด็กปีที่ 10 ได้แล้วตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป เช่น ร้านนายอินทร์ / Se-Ed book / Kinokuniya ยกเว้นหนังสือภาพเล่มพิเศษเรื่อง “บันดาลแรงใจ” ที่มูลนิธิฯ จะนำไปมอบให้แก่เด็กด้อยโอกาสทั่วประเทศผ่านเครือข่ายการทำงานของมูลนิธิฯ อาทิ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลนทั่วประเทศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิเอสซีจี โทร 02-586-2547 อีเมล์ ecd.scgfoundation@scg.co.th เว็บไซต์ www.scgfoundation.org หรือ Facebook มหัศจรรย์หนังสือภาพ