Sasol ได้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับโครงการ Lake Charles Chemical Project (LCCP) หลังจากที่ได้ประเมินต้นทุนและกำหนดการของโครงการ
– กำหนดการของโครงการ LCCP ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยหน่วยผลิตเอทิลีนไกลคอล/เอทิลีนออกไซด์มีกำหนดที่จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในไม่ถึงสัปดาห์ มีเพียง Guerbet Unit เท่านั้นที่มีการปรับเปลี่ยนกำหนดการไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 การดำเนินโครงการแล้วเสร็จ 96% และการก่อสร้างแล้วเสร็จ 89%
– Sasol เชื่อมั่นเช่นเดิมว่า แนวโน้ม EBITDA สำหรับโครงการ LCCP ยังคงแข็งแกร่งในระยะยาว
– ตัวเลขคาดการณ์ต้นทุนค่าลงทุนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.26 – 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงค่าเผื่อสำรอง 300 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงในต้นทุนค่าลงทุนนั้นเป็นที่รับรู้ และมาตรการบรรเทาต่าง ๆ กำลังถูกนำมาใช้ เพื่อรับประกันการส่งมอบโครงการภายในกรอบที่กำหนด
– งบดุลของ Sasol แข็งแกร่งเพียงพอ ขณะที่มาตรการบริหารจัดการมุ่งเน้นไปที่การลดขนาดงบดุล ลดความซับซ้อนของพอร์ตสินทรัพย์ และดำเนินกลยุทธ์การบริหารตามฐานมูลค่า
ความเป็นมา
ในรายงาน Trading Statement ของบริษัทที่ออกโดย Stock Exchange News Service เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัทได้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกำหนดการและต้นทุนค่าลงทุนของโครงการ LCCP ซึ่งประมาณการว่าจะอยู่ในช่วง 1.16 – 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อมาหลังจากการประกาศดังกล่าว บริษัทได้ทำการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการบริหารโครงการ LCCP หลายประการ โดยได้มอบหมายให้ Fleetwood Grobler รองประธานบริหารกลุ่มเคมี เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ รวมถึงมีการเสริมทีมงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทีมงานชุดนี้มีความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องแม่นยำในการคาดการณ์ต้นทุนของโครงการ และด้วยเหตุนี้ ในการประกาศ Business Performance Metrics ประจำไตรมาสที่สาม เมื่อเดือนเมษายน 2562 จึงมีการระบุว่า ต้นทุนของ LCCP จะอยู่ในกรอบบนของตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ทางทีมบริหารยังได้เริ่มต้นการพิจารณาทบทวนต้นทุนและกำหนดการอย่างเต็มรูปแบบจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ โดยได้รับข้อมูลจากที่ปรึกษาอิสระทางด้านเทคนิคและการเงิน
การพิจารณาทบทวนนี้ได้ระบุถึงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการคาดการณ์ของโครงการ LCCP และตัวเลขคาดการณ์ต้นทุนรวมที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต นอกจากนี้ ยังได้มีการยืนยันว่า ค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของโครงการที่ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 นั้น ถูกต้องและสมบูรณ์ ขณะเดียวกันยังได้มีการชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างความพยายามแก้ไข
ทางคณะกรรมการยังได้มอบหมายให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระจากภายนอกดำเนินการพิจารณาทบทวน ซึ่งจะครอบคลุมสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจทำให้การรายงานข้อวิตกในข้างต้นล่าช้าออกไป และเมื่อเสร็จสิ้นการทบทวนแล้ว คณะกรรมการจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับผลการพิจารณาต่อไป
ข้อมูลคืบหน้า
หน่วยอนุพันธ์ Linear Low Density Polyethylene (LLDPE) ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตเป็นหน่วยแรกในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 และทางโรงงานยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิตได้ตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เรายังได้เริ่มเดินเครื่องหน่วยผลิต Ethylene Glycol (EG) แล้ว และคาดว่าเริ่มเดินเครื่องหน่วยผลิต Ethylene Oxide (EO) ได้ในอีกไม่กี่วัน สำหรับ Ethane Cracker นั้น ทางบริษัทยังคงคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในเดือนกรกฎาคม 2562 ส่วนกำหนดการเดินเครื่องที่เหลือของโครงการ LCCP ยังคงเป็นไปตามที่ระบุไว้ในเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยกเว้นหน่วยอนุพันธ์สุดท้าย (Guerbet unit) ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งเดือนหลังจากกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 การดำเนินโครงการโดยรวมแล้วเสร็จ 96% ขณะที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ 89% ส่วนค่าใช้จ่ายด้านทุนของโครงการอยู่ที่ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์
ภายหลังการพิจารณาทบทวนตามที่ระบุในข้างต้น ทางโครงการ LCCP จึงได้มีการปรับแก้ตัวเลขประมาณการต้นทุนเป็น 1.26 – 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงค่าเผื่อสำรอง 300 ล้านดอลลาร์ สำหรับปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ต้องมีการแก้ไขตัวเลขประมาณการต้นทุนของโครงการ LCCP คือรายการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อตัวเลขคาดการณ์ต้นทุนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ประมาณ 530 ล้านดอลลาร์ รวมถึงเหตุการณ์เพิ่มเติมและงานที่เหลือที่ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ประมาณ 470 ล้านดอลลาร์ โดยรวมค่าเผื่อสำรอง 300 ล้านดอลลาร์
มาตรการที่ดำเนินการแล้ว
ตัวเลขคาดการณ์ต้นทุนค่าลงทุนสำหรับ LCCP ที่เพิ่มขึ้นนี้นับว่าน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายบริหารจึงได้เริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพื่อยกระดับการควบคุมดูแล การบริหารโครงการ และความถี่ในการรายงาน มาตรการต่าง ๆ ที่ทางบริษัทได้นำมาดำเนินการแล้วนั้น ได้แก่ การแยกหน้าที่ระหว่างการควบคุมโครงการกับงานด้านการเงิน และการมอบหมายให้รองประธานอาวุโสเป็นผู้รับผิดชอบการควบคุมโครงการ LCCP ขณะเดียวกัน แผนริเริ่มต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการตัดสินใจ ความโปร่งใส และการจัดทำเอกสารรายงานภายในทีมบริหารโครงการ ก็มีความคืบหน้าเช่นกัน ซึ่งผู้นำโครงการใหม่มีบทบาทสำคัญในการระบุและแก้ไขปัญหาเหล่านี้
การทบทวนและการตรวจสอบที่ทีมบริหารได้ริเริ่มและดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน บ่งชี้ว่าการควบคุมดูแลโครงการ LCCP นั้นมีจุดอ่อนที่จำกัด
ผลกระทบทางการเงิน
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของ LCCP ไม่ส่งผลต่อกลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนของ Sasol แต่อย่างใด โดยบริษัทยังคงแผนการที่จะลดขนาดของงบดุลลงมาอยู่ที่ 30% ตามด้วยการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็น 40% ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในระหว่างปีงบการเงิน 2563-2566 ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงเวลานี้ LCCP ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการกำหนดราคาระยะสั้นถึงระยะกลาง อย่างไรก็ดี ต้นทุนการดำเนินงานสำหรับ LCCP ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรกเริ่มนั้น ยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับปีงบการเงิน 2565 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ จึงถูกปรับทบทวนลงมาอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่แนวโน้มการกำหนดราคาตลาดระยะยาวยังคงได้รับแรงหนุนจาก EBITDA ระยะยาวจาก LCCP ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนแนวโน้มตลาดระยะสั้นสำหรับราคาเอทิลีนและผลิตภัณฑ์ยังคงผันผวน และจะมีการปรับปรุงตัวเลขคาดการณ์เป็นระยะ ๆ
ทั้งนี้ ทางฝ่ายบริหารได้เสร็นสิ้นการพิจารณาทบทวนสินทรัพย์อย่างละเอียด ตามที่ได้มีการสื่อสารกับตลาดก่อนหน้านี้ ขั้นตอนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพพอร์ตสินทรัพย์ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปถึงขั้นตอนที่บริษัทสามารถจำหน่ายสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักได้เร็วขึ้น โดยบริษัทจะกำหนดเป้าหมายการจำหน่ายสินทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่าสุทธิรวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และจะให้ความสำคัญกับการปกป้องมูลค่าในระหว่างดำเนินขั้นตอนนี้ สำหรับอัตราส่วนการเงินที่สำคัญซึ่งมีการเปิดเผยข้างต้นนั้น ไม่ได้เกี่ยวพันกับการจำหน่ายสินทรัพย์แต่อย่างใด โดยการจำหน่ายสินทรัพย์จะสนับสนุนการลดขนาดงบดุล ลดความซับซ้อนของพอร์ตการลงทุน และช่วยให้บริษัทมุ่งความสนใจไปที่การดำเนินกลยุทธ์การบริหารตามฐานมูลค่าได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์ – ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต
ในเอกสารฉบับนี้ Sasol อาจกล่าวข้อความบางข้อความที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต และอาจเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์และข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนการคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคตและการประมาณการที่ไม่สามารถระบุแน่นอนได้ นอกจากนี้ ข้อความเหล่านี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับโอกาส การพัฒนา และกลยุทธ์ทางธุรกิจในอนาคต ตัวอย่างของข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ได้แก่ แต่ไม่จำกัดเพียง การประมาณการต้นทุนและช่วงเวลาในการดำเนินงานโครงการ LCCP เป้าหมายหรือคำแนะนำเกี่ยวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนและอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล, อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA, EBITDA และอัตราผลตอบแทนภายในสำหรับโครงการ LCCP ตลอดจนข้อความเกี่ยวกับสภาพคล่องในอนาคต อันดับเครดิต และกลยุทธ์การจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก คำต่าง ๆ เช่น “เชื่อ” “มุ่งหวัง” “คาด” “ตั้งใจ” “แสวงหา” “จะ” “วางแผน” “อาจจะ” “อาจ” “พยายาม” “ตั้งเป้า” “คาดการณ์” และ “วางแผน” รวมถึงคำอื่น ๆ ที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน ถือเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ดี คำเหล่านี้ไม่ใช่วิธีเดียวที่บ่งบอกถึงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ทั้งโดยทั่วไปและที่เฉพาะเจาะจง และมีความเสี่ยงที่การคาดการณ์ การคาดเดา การทำนาย และข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตอื่น ๆ จะไม่เกิดขึ้นจริง หากความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นจริง หรือสมมติฐานที่ตั้งไว้ไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้ ผู้อ่านจึงควรเข้าใจว่า ปัจจัยที่สำคัญต่าง ๆ อาจเป็นสาเหตุให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากแผนการ วัตถุประสงค์ ประมาณการ และความตั้งใจ ตามที่ระบุถึงในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ปัจจัยเหล่านี้ถูกกล่าวถึงอย่างละเอียดกว่านี้ในรายงานประจำปีล่าสุดบน Form 20-F ที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2561 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กล่าวถึงในเอกสารดังกล่าวไม่ถือเป็นทั้งหมด เพราะฉะนั้นผู้อ่านจึงไม่ควรยึดถือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต เมื่อทำการตัดสินใจลงทุน ผู้อ่านควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ ควบคู่กับความไม่แน่นอนและเหตุการณ์อื่น ๆ อย่างรอบคอบ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้ หมายความถึง ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น และเราไม่ขอรับผิดชอบในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความเหล่านี้ ไม่ว่าจะมีข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรือไม่ก็ตาม
เกี่ยวกับ Sasol:
Sasol เป็นบริษัทพลังงานและเคมีภัณฑ์แบบบูรณาการระดับโลก เราสร้างคุณค่าที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างปลอดภัยและยั่งยืน ผ่านทางพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญของเรา เราได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในโรงงานระดับโลก เพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์และเคมีภัณฑ์พิเศษ เชื้อเพลิงเหลวและก๊าซ ตลอดจนไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ