PPS ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ จับมือพันธมิตรสิงคโปร์ตั้ง PPS Oneworks รุกงานออกแบบ

0
492
image_pdfimage_printPrint

PPS ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ จับมือพันธมิตรสิงคโปร์ตั้ง PPS Oneworks รุกงานออกแบบ ประมาณราคา บริหารโครงการก่อสร้างครบวงจร พร้อมส่ง PPSI ลุยงานที่ปรึกษาด้านพลังงานและเทคโนโลยีสารสนเทศงานก่อสร้าง เผยภาพรวมธุรกิจ Q4/61 เติบโตดี รับรู้รายได้งานรัฐ เอกชน รอเซ็นสัญญา 150 ล้านบาท หนุน Backlog 286 ล้านบาท ขณะที่งบ 9 เดือนรายได้ 299.71 ล้านบาท กำไร 20.25 ล้านบาท

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า บริษัทปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อย โดยเปลี่ยนชื่อ PPSD เป็น PPS Oneworks ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ คือ Oneworks Asia นิติบุคคลจากประเทศสิงคโปร์ (บริษัทแม่คือ Oneworks บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากประเทศอิตาลี) ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 30 ล้านบาท โดย PPS ถือหุ้น 51% และ Onework Asia ถือหุ้น 49% เพื่อขยายธุรกิจด้านการออกแบบ การบริหารงานก่อสร้าง งานประมาณราคา งาน BIM (Building Information Modeling) และ Technical Support

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนชื่อ PIC เป็น PPSI หรือ บริษัท พีพีเอส อินโนเวชั่น จำกัด รองรับการรับงานด้าน Facility Management หรือ การบริหารจัดการอาคาร เพื่อขยายขอบเขตการรับงานทั้งงานที่ปรึกษาด้านพลังงานและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ทั้งนี้การปรับโครงสร้างของบริษัทย่อยดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักษภาพและโอกาสในการรับงานมากขึ้น

ขณะที่บริษัท โปรฟิน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจ Project Financing และ ICO Portal มีแผนจะยื่นการขออนุมัติในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายดิจิทัล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายในเดือน พ.ย.และคาดว่าจะทราบผลเร็วๆนี้

สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากงานเอกชนหลายแห่ง อาทิ โครงการคอนโดมีเนียม โครงการค้าปลีก รวมถึงงานภาครัฐบางส่วน นอกจากนี้มีงานห้างสรรพสินค้า รวมทั้งงานจากโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างศึกษาโครงการที่จะเปิดโอกาสให้มีการยื่นประมูลงานในอนาคต เช่น งานรถไฟ งานโครงการท่าเรือ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 286 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 76 ล้านบาทภายในปีนี้ ที่เหลือจะทยอยรับรู้ได้รายถึงปี 2564

ดร.พงศ์ธร กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2561 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 299.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 289.09 ล้านบาท จำนวน 10.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.67 % และมีกำไรสุทธิ 20.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.41 ล้านบาท จำนวน 31.16 ล้านบาท หรือลดลง 60.61%

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้รวม 104.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 98.82 ล้านบาท จำนวน 6.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.20% และมีกำไรสุทธิ 5.75 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.73 ล้านบาท จำนวน 11.98 ล้านบาท หรือลดลง 67.59%

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทมีการชะลอตัวลงเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้น จากการปรับค่าจ้างของพนักงานประจำปีและรับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับการดำเนินงานในธุรกิจใหม่ นอกจากนี้บริษัทมีการปรับประมาณการรายได้บางโครงการ อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะกลับมารับรู้กำไรตามปก