Old Pulteney และ anCnoc ที่สุดของ Single Malt Scotch Whisky คว้ารางวัลการันตีระดับโลก รุกตลาดพรีเมี่ยมในเมืองไทย

0
372
image_pdfimage_printPrint

หากคุณจะตามหาวิสกี้ดีๆต้องไปหาที่ไหน แน่นอน…ไม่มีที่ไหนในโลกจะขึ้นชื่อเท่าซิงเกิ้ล มอลต์ สก็อตช์ วิสกี้ ของประเทศสก็อตแลนด์ วิสกี้ในประเทศนี้ถือเป็นธุรกิจที่สำคัญจนเสมือนว่าธุรกิจนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสก็อตแลนด์ไปแล้ว เพราะสก็อตช์ วิสกี้ได้ถูกผลิตด้วยความภาคภูมิใจและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน พวกเขามักจะบอกว่าไม่มีใครทำวิสกี้ได้เก่งเท่าพวกเขาอีกแล้ว หากเดินเข้าไปในผับบาร์ชองชาวสก็อตแลนด์ อย่างแรกที่คุณจะได้เห็นคือความยิ่งใหญ่ของ สก็อตช์ วิสกี้ และ 25% ของมอลต์ วิสกี้มาจากเขตไฮแลนด์ เขตไฮแลนด์นี้เองที่มีการแข่งขันอันดุเดือดและเป็นแหล่งผลิตสกอตช์ วิสกี้ที่สำคัญมาอย่างยาวนานและเป็นแหล่งกำเนิดของทั้งสองแบรนด์ที่เรากำลังจะทำความรู้จักกันจากนี้ไป

แบรนด์แรกคือ Old Pulteney ความเป็นมาของ Old Pulteney Distillery (โรงกลั่น โอลด์ พุลท์นี่ย์) นั้นยาวนานถึง190 ปี ซึ่งโรงกลั่นแห่งนี้ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จอยู่หลายรางวัล แต่ชัยชนะที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ จากงาน World Whiskies Awards 2016 เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณลักษณะพิเศษของวิสกี้ ที่ถูกจัดให้เป็นวิสกี้ชั้นยอดของโลก และนี้เป็นครั้งที่สองในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ที่โรงกลั่นนี้ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นที่สุดของโลก (รางวัลนี้เป็นส่วนหนึ่งของรางวัลเครื่องดื่มระดับโลก และมีอิทธิพลต่อวงการนักดื่มวิสกี้ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2007 โดยมีผู้เข้าร่วมตัดสินทั้งจากนักเขียน, มิกโซโลจิสต์ และผู้เชี่ยวชาญในวงการการดื่มวิสกี้) โดยแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความพิเศษของวิสกี้ที่มีกลิ่นไอของเกลือทะเล โดยได้รับอิทธิพลมาจากลมชายทะเลที่อยู่ล้อมรอบโรงกลั่นในเมือง Wick (วิค) แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักดีว่าเป็น The Maritime Malt (มาริทาม มอลต์) อาจจะเป็นการยากที่จะหาแบรนด์วิสกี้ที่เป็นเสมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์สก็อตช์วิสกี้เท่ากับแบรนด์อย่าง Old Pulteney
World Whiskies Awards 2016 รางวัลนี้ทำให้โรงกลั่นได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เมื่อรุ่น 1989 Vintage ได้รับการขนานนามว่าเป็น “World‘s Best Single Malt Whisky” หรือเรียกว่า สุดยอดซิงเกิ้ล มอลต์ วิสกี้ของโลก ด้วย “รสชาติและกลิ่นของน้ำผึ้งและดอกไม้ ความหอมหวานได้ถูกผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวระหว่างกลิ่นของถังไม้โอ๊คแทรกด้วยกลิ่นไอของเกลือทะเล” อันเป็นข้อสังเกตหนึ่งของกรรมการที่ได้จากรายงานผลตัดสิน “กลิ่นอายของไม้โอ๊คซึ่งมีรสถั่ว ความเปรี้ยวหอมเล็กน้อยที่ติดปลายลิ้น บ่งบอกถึงความสมดุลระหว่างกรรมวิธีการบ่มและสไตล์ของโรงกลั่นได้อย่างดีเลิศ”
Stuart Harvey (สจ๊วร์ต ฮาร์วี่) Master Blender (ผู้เชี่ยวชาญในการปรุงวิสกี้) กล่าวถึงวิสกี้รุ่นนี้ว่า“รางวัลนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันในความมุ่งมั่นของทีมงานจากโรงกลั่นแห่งเมืองวิคนี้ เมื่อตอนที่วิสกี้รุ่นนี้ผลิตออกมานั้น ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบการดื่มด่ำวิสกี้และแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ Old Pulteney เป็นอย่างมาก”

Old Pulteney 21 Years Old (โอลด์ พุดนี่ย์ รุ่น 21 ปี) รุ่นนี้ได้รับรางวัล World Whisky of the Year ในหนังสือ Whisky Bible 2012 (ที่สุดของคัมภีร์รีวิววิสกี้) ของ Jim Murray (จิม เมอร์เรย์) กูรูด้านวิสกี้ระดับโลก ซึ่งรุ่นนี้ได้รับคะแนนถึง 97.5 จากผลการรีวิวของ จิม เมอร์เรย์ ด้วยรสชาติที่เข้มข้นโดดเด่น แทรกด้วยกลิ่นของแอ็ปเปิ้ลและลูกแพร์ และเพิ่มระดับขึ้นไปอีกด้วยรสชาติที่นุ่มลึกของท็อฟฟี่ผสมกับวานิลลา ตบท้ายด้วยกลิ่นควันไม้ ละเอียดอ่อนและซับซ้อนอย่างลงตัว ซึ่งได้รับการชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิสกี้มาแล้วทั่วโลก ซึ่งหากพิจารณาจากขนาด, ทีมงานและศักยภาพพื้นฐานของโรงกลั่น Old Pulteney แล้ว สองรางวัลที่ได้จากวิสกี้ Old Pulteney รุ่น 1989 Vintage และ รุ่น 21 ปี เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่มีคุณค่าเหนือกว่าโรงกลั่นขนาดใหญ่บางแห่งในโลกเลยทีเดียว

ต่อด้วยอีกหนึ่งแบรนด์ นั่นคือ anCnoc โดยในปีนี้ anCnoc รุ่น 18 ปี ซิงเกิลมอลต์ สกอตช์ วิสกี้ จากไฮแลนด์ โดดเด่นท่ามกลางวิสกี้ ซิงเกิลมอลต์อื่นๆที่เข้าร่วมแข่งขัน World Whiskies Awards ในปี 2016 โดยได้รับชัยชนะ ในประเภท World Best Highland Single Malt ในช่วงอายุ 13-20 ปี การยกย่องให้เป็น วิสกี้ ซิงเกิลมอลต์ที่ได้รับรางวัลไม่ใช่แค่การได้สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศเท่านั้น แต่เป็นข้อพิสูจน์ถึงการธำรงไว้ซึ่งศิลปะที่ถ่ายทอดกันมายาวนานถึง 600 ปี และนี่ยังสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของแบรนด์ anCnoc ที่จะคงไว้ซึ่งวิธีการผลิตที่ถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนานผ่านตัววิสกี้ที่ดื่มง่าย ให้รสชาติร่วมสมัย
ซึ่งเมื่อเราได้พูดคุยกับ Stuart Harvey (สจ๊วร์ต ฮาร์วี่) Master Blender (ผู้เชี่ยวชาญในการปรุงวิสกี้) เขากล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากที่วิสกี้ที่หมักบ่มอายุ 18 ปี ของเราได้รับการยกย่องเหนือวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ยี่ห้ออื่น เราภูมิใจในการเป็นผู้ผลิตวิสกี้ชั้นยอดและเป็นผู้ชนะในงาน World Whiskies Awards ชัยชนะต่างๆไม่ใช่แค่สิ่งที่แสดงถึงความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นรางวัลให้แก่บุคลากรซึ่งอุทิศตนในการกลั่นและหมักบ่มวิสกี้ของเราอีกด้วย” เมื่อได้เจาะลึกไปถึงเหล่าทีมงานที่โรงกลั่น ยังคงเป็นทีมงานเล็กๆที่น่าทึ่งในแถบไฮแลนด์ ทีมที่ประกอบด้วยผู้ชาย 6 คนเท่านั้น!!! ที่รู้จักกันในนาม “เดอะ เมน ออฟ น็อค” (The Men of Knock – Knock เป็นชื่อภูเขาที่ตั้งอยู่หลังโรงกลั่น) ที่ช่วยกันอย่างตั้งใจในการดูแลการผลิตวิสกี้ในทุกๆถัง ซึ่งโรงกลั่นนี้เปิดมาแล้วถึง 122 ปี ด้วยความรักและการอุทิศตนของทีมงาน ทำให้แบรนด์ anCnoc แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มเลยทีเดียว
คณะกรรมการผู้ตัดสินได้กล่าวถึง anCnoc รุ่น 18 ปี ว่า “ให้รสชาติและกลิ่นที่ผสมผสานของเค้กผลไม้อบไหม้เล็กน้อย, คัสตาร์ดไข่, ครีมบรูเล่และกลิ่นของถังไม้โอ๊คยุโรป ซึ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นี้ และมีความลุ่มลึกของรสชาติที่โดดเด่นทั้งความชัดเจน ความหวาน และความร้อนแรง โดยให้กลิ่นอบอวลอย่างยาวนานหลังดื่ม” โรงกลั่นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักในสิ่งที่ทำและรักษาซึ่งธรรมเนียมในการผลิตสก็อตวิสกี้แบบดั้งเดิม และนี่คือสก็อตช์ วิสกี้จากไฮแลนด์ anCnoc 18 ปี
สำหรับคอวิสกี้ในเมืองไทยไม่ควรพลาด ที่จะไปดื่มด่ำสัมผัสถึงรสชาติความนุ่มละมุนล้ำลึกของ วิ้สกี้ระดับโลก ซึ่งตอนนี้สามารถไปลิ้มลองที่สุดของซิงเกิลมอลลต์ กันได้ที่ร้านพรีเมี่ยมชั้นนำและโรงแรมชื่อดังมากมาย อาทิ Quaint , Whisgars , The 195 Lounge, Cigar One , The Owl , Pacific Cigars , Plaza Athenee Hotel , Madarin Oriental Hotel , Okura Hotel , W Hotel , Anantara Siam Hotel , Conrard Hotel ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป