Mainstream Renewable Power ปิดการระดมทุนในชิลี คว้าเงินทุน 580 ล้านดอลลาร์

0
274
image_pdfimage_printPrint

Mainstream Renewable Power ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก ประสบความสำเร็จในการระดมทุนสำหรับก่อสร้างโครงการ “Andes Renovables” เฟสแรก ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ในประเทศชิลีที่บริษัทเป็นเจ้าของทั้งหมด

บริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุน 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาก่อสร้างเฟสแรกของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา

ธนาคาร 6 แห่งที่ปล่อยเงินกู้ให้แก่บริษัทประกอบด้วย CaixaBank, DNB, KfW IPEX-Bank, Natixis, SMBC และ Societe Generale นับเป็นการระดมทุนผ่านการกู้ยืมเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในปีนี้สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส่วนธนาคารแห่งที่ 7 นั่นคือ Banco Santander ได้ให้เงินกู้สำหรับนำไปจ่ายภาษี

โครงการ Andes Renovables เฟสแรกซึ่งมีขนาด 571 เมกะวัตต์ มีชื่อเรียกว่า “Condor” ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 แห่ง โดยการก่อสร้างได้เริ่มไปแล้ว และคาดว่าจะเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564 โดยจะผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของ 680,000 ครัวเรือนในชิลี และจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 656,000 เมตริกตันต่อปี

Andes Renovables เป็นโครงการมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นสามเฟส ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 7 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง ส่วนอีกสองเฟสที่เหลือมีชื่อว่า “Huemul” และ “Copihue” มีขนาดรวมกัน 730 เมกะวัตต์ และกำลังจะปิดการระดมทุนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

โรงไฟฟ้าพลังงานลมจะสร้างโดยบริษัท Sacyr Industrial และ Elecnor โดยมีบริษัท Vestas, Nordex Acciona และ Siemens Gamesa เป็นผู้จัดหากังหันลม ส่วนบริษัท Sterling & Wilson ได้รับมอบหมายให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Rio Escondido ส่วนงานเชื่อมโรงไฟฟ้ากับกริดเป็นหน้าที่ของบริษัท Transelec, CGE, HMV และ Siemens ขณะที่ ABB เป็นผู้จัดหาหม้อแปลงไฟฟ้าหลักทั้ง 4 ตัวให้แก่โครงการ

Andy Kinsella ประธานบริหาร Mainstream กล่าวว่า “การก่อสร้างโครงการ Andes Renovables ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ ถือเป็นหลักชัยสำคัญของความพยายามอันยาวนานของเราในการนำศักยภาพการผลิตพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำมาสู่ชิลี โครงการมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสามเฟส และเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา เป็นสิ่งที่ตอกย้ำสถานะของ Mainstream ในฐานะผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก ซึ่งมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 9 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนี้จะมีการประกาศปิดระดมทุนและเริ่มก่อสร้างเฟสสองและสามในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”

Manuel Tagle ผู้จัดการทั่วไปประจำลาตินอเมริกาของ Mainstream กล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้นำในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของชิลี รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในประเทศ การประกาศปิดระดมทุนสำหรับโครงการเฟสแรกมีความสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 656,000 เมตริกตันต่อปี ขณะเดียวกันเรายังมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์อีก 2.7 กิกะวัตต์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะทำให้เรายิ่งมีบทบาทมากขึ้นในหลายทศวรรษข้างหน้า”

เมื่อปี 2559 Mainstream ชนะประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าแบบเป็นกลางทางเทคโนโลยีโครงการใหญ่ที่สุดในชิลี โดยคว้าส่วนแบ่งมากที่สุด 27% จากทั้งหมด คณะกรรมาธิการพลังงานแห่งชาติของชิลีได้ทำสัญญาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐระยะเวลา 20 ปี เพื่อมอบหมายให้ Mainstream ผลิตไฟฟ้า 3,366 กิกะวัตต์ชั่วโมงตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ Mainstream ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 332 เมกะวัตต์ในชิลีที่ร่วมมือกับบริษัท Actis และเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกเมื่อปี 2557

เกี่ยวกับ Mainstream Renewable Power

Mainstream Renewable Power คือผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับสาธารณูปโภคของเอกชนเพียงแห่งเดียวที่ดำเนินธุรกิจในระดับโลก บริษัทมุ่งส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์คุณภาพสูงรวมกว่า 9 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียแปซิฟิก รวมถึงในอุตสาหกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่งทั่วโลก

Mainstream ได้ส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังผลิตรวมกว่า 800 เมกะวัตต์เข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก 1.5 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกาและแอฟริกา

ในประเทศชิลี โรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของทั้งหมด กำลังจะเข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2564 ขณะเดียวกัน บริษัทได้ส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์เข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในแอฟริกาใต้ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 250 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังร่วมทุนกับบริษัท Lekela Power ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 410 เมกะวัตต์ในเซเนกัลและอียิปต์

Mainstream เป็นผู้นำโลกในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3.5 กิกะวัตต์ในสหราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่การวางแนวคิดเบื้องต้น การทำข้อตกลง ไปจนถึงการเตรียมพร้อมก่อสร้าง ซึ่งรวมถึงโครงการ Hornsea 1 และ Hornsea 2 ซึ่งเป็นฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในสหราชอาณาจักร

Mainstream พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Soc Trang ขนาด 800 เมกะวัตต์ในเวียดนาม ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน Mainstream ได้ลงนามข้อตกลงกับ Eni บริษัทพลังงานระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั่วแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเดิมที่พุ่งเป้าไปที่โครงการ Offshore Round 4 ของสหราชอาณาจักร

จนถึงขณะนี้ Mainstream ระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการได้มากกว่า 2.1 พันล้านยูโร และมีพนักงาน 260 คนใน 5 ทวีป

www.mainstreamrp.com

โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/686512/Mainstream_Renewable_Power_Logo.jpg

ติดต่อ
Emmet Curley
Head of Communications & Positioning
โทร: +353 86 2411 690
อีเมล: emmet.curley@mainstreamrp.com