Klook พร้อมแล้วสำหรับก้าวต่อไปในการเป็นบริษัทนวัตกรรมระดับโลก ด้วยการระดมทุนในระดับซีรีส์ D มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ
หนึ่งในผู้นำของโลกด้านการจองกิจกรรมและบริการต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว กำลังจะทำยอดรายได้ทั้งหมดจากการจองถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 นี้
วันนี้ Klook เว็บไซต์และแอปพลิเคชันด้านการจองกิจกรรมและบริการต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวระดับโลก ได้ประกาศปิดยอดการระดมทุนวงเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระดับซีรีส์ D ซึ่งทำให้ Klook มียอดของการระดมเงินทุนมูลค่ารวม 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ Klook จึงได้กลายเป็นบริษัทในภาคการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าการระดมเงินทุนสูงสุด ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนในรอบนี้ ได้แก่ บริษัท Sequoia Capital, บริษัท Matrix Partners, บริษัท Goldman Sachs, บริษัท TCV, กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในเอเชีย และสำนักงานธุรกิจครอบครัว โดยบริษัท Sequoia Capital, บริษัท Matrix Partners และบริษัท Goldman Sachs ยังเป็นกลุ่มของผู้ลงทุนในระดับซีรีส์ C เมื่อเดือนตุลาคมปี 2017 ที่ผ่านมาอีกด้วย การลงทุนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Klook ในฐานะผู้เล่นระดับโลกในภาคการท่องเที่ยว และส่งผลให้ Klook สามารถเจริญเติบโตในสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการเติบโตทางด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้วย
ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 Klook คือหนึ่งในแพลตฟอร์มการจองบริการต่างๆ ด้านการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยว โปรแกรมทัวร์ และประสบการณ์ในท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะและรถไฟในท้องถิ่นทั่วโลก Klook นำเสนอกิจกรรมและบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ กว่า 50,000 กิจกรรม จากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 5,000 ราย ในกว่า 200 จุดหมายปลายทางทั่วโลก หลังจากที่ Klook ปิดการระดมทุนวงเงิน 60 ล้านเหรียญสหรัฐในระดับซีรีส์ C เมื่อปีที่แล้ว Klook ได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงลอนดอนและกรุงอัมสเตอร์ดัม ปัจจุบัน Klook มีพนักงานทั้งหมดกว่า 600 คน ภายในสำนักงาน 16 แห่งทั่วโลก การเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทเกิดจากเหล่านักเดินทางอิสระที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของผู้บริโภคที่เห็นคุณค่าของประสบการณ์การท่องเที่ยว โดยทางบริษัทคาดว่าจะสามารถทำยอดรายได้รวมทั้งหมดจากการจองถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 นี้
Klook กำลังขยายธุรกิจออกไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนที่จะทำการเปิดสำนักงานในประเทศสหรัฐอเมริกาภายในปี 2018 โดยทางบริษัทจะทำการเพิ่มกิจกรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้าสู่แพลตฟอร์มการจองเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วยการนำเสนอจุดหมายปลายทางที่หลากหลายและไม่เหมือนใคร ในขณะเดียวกัน Klook ก็กำลังมองหาช่องทางในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปให้มาท่องเที่ยวยังทวีปเอเชียมากขึ้น เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสามารถออกสำรวจจุดหมายปลายทางยอดนิยมและแปลกใหม่ได้อย่างอย่างสะดวกและง่ายดาย
Klook เป็นผู้บุกเบิกในการผลักดันนวัตกรรมการท่องเที่ยว โดยได้พัฒนาโซลูชั่นการท่องเที่ยวมากมาย เช่น แอปพลิเคชันสำหรับผู้ประกอบการ (Merchant App) และการโปรโมทการใช้คิวอาร์โค้ด (QR Code) และเวาเชอร์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) ทาง Klook และผู้ประกอบการได้ร่วมมือกันเพื่อมอบประสบการณ์การจองแบบเรียลไทม์ที่สะดวกและง่ายดายสำหรับนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ฟังก์ชันเทคโนโลยีของ Klook ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและถูกนำมาใช้โดยผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ระบบขนส่งมวลชนทางราง และผู้ประกอบการรายย่อยมากมาย
“ภารกิจของเราคือการส่งเสริมให้ทุกๆคนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและง่ายดาย การระดมเงินทุนในรอบนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับเรา” นาย Ethan Lin ประธานกรรมการบริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Klook กล่าว “เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นการเติบโตที่ดียิ่งขึ้นของทีม การระดมทุนและประสบการณ์ที่กว้างขวางจากนักลงทุนรายใหม่ของเราจะทำให้เราสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ซัพพลายเออร์ของเราได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้นักท่องเที่ยวของเราได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์และจุดหมายปลายทางที่มากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย”
“เรามุ่งมั่นที่จะใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อลดช่องว่างระหว่างระบบออนไลน์และออฟไลน์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” นาย Eric Gnock Fah ประธานกรรมการ ประธานฝ่ายปฏิบัติการ และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Klook กล่าว “ด้วยการใช้เงินทุนในการคิดค้นและกระชับความสัมพันธ์กับเหล่าผู้ประกอบการ เราหวังว่าเราจะสามารถนำประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีมากยิ่งขึ้นมาให้แก่นักเดินทางทุกคน”
“ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของพวกเขาในการเปลี่ยนแปลงซัพพลายเออร์ของทัวร์และกิจกรรมให้มาอยู่ในระบบดิจิทัลและเจาะกลุ่มผู้เดินทางรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก Klook จึงกลายเป็นผู้นำในโลกออนไลน์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” นาย Neil Shen หุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท Sequoia Capital กล่าว “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Klook จะสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการ และกลายเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศในเอเชียและประเทศอื่นๆทั่วโลก”
“บริษัท TCV มองหาการลงทุนในบริษัทที่มีทีมจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้” นาย David Yuan ห้างหุ้นส่วนสามัญของบริษัท TCV กล่าว “Klook ถือเป็นบริษัทแถวหน้าในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเรารู้สึกประทับใจกับการเติบโตของทั้งทีมงานและบริษัท เรารู้สึกยินดีที่จะได้ช่วยเหลือให้ Klook ได้มีความก้าวหน้าทั้งทางด้านกลยุทธ์และการขยายตัวไปทั่วโลกตามที่พวกเขาต้องการ”
เกี่ยวกับ Klook
Klook คือหนึ่งในผู้นำของโลกด้านการจองกิจกรรมและบริการต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 และเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถค้นพบและจองกิจกรรมท่องเที่ยว อาทิ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ทัวร์ท่องเที่ยว บริการการเดินทาง อาหาร และประสบการณ์สุดพิเศษจากทั่วโลกได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย (‘Best of 2015’ & ‘Best of 2017’ โดย Google Play และ Apple App Store) ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Klook นักเดินทางทุกคนจึงสามารถทำการจองกิจกรรมต่างๆ หลังจากที่เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง และยังสามารถแลกรับบริการได้โดยการใช้ QR Code หรือเวาเชอร์อิเล็กทรอนิกส์บนมือถือได้อีกด้วย ในแต่ละวัน Klook ช่วยให้นักเดินทางนับไม่ถ้วนได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แสนวิเศษและคล่องตัว ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ กว่า 50,000 กิจกรรม ซึ่งครอบคลุมมากถึง 200 จุดหมายปลายทางทั่วโลก
Klook มีทีมงานระดับมืออาชีพกว่า 600 คนในสำนักงาน 16 แห่งทั่วโลก พร้อมด้วยแพลตฟอร์มที่รองรับมากถึง 8 ภาษา และ 36 สกุลเงิน ที่สำคัญ Klook ยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐจากบริษัทลงทุนระดับโลกมากมาย อาทิ บริษัท Sequoia Capital, บริษัท Matrix Partners, บริษัท Goldman Sachs และบริษัท TCV รับแรงบันดาลใจจาก Klook ได้ที่เว็บไซต์ www.klook.com บล็อกของบริษัท หรือ @Klook
เกี่ยวกับ Sequoia Capital
ทีมของ Sequoia เป็นทีมที่จะช่วยนักธุรกิจที่มีความแนวแน่ให้สามารถสร้างบริษัทระดับตำนานขึ้นมาได้ ด้วยการร่วมมือกับ Sequoia บริษัทต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายที่ยอดเยี่ยมและบทเรียนที่เราได้เรียนรู้มานานกว่า 46 ปี ในฐานะที่เป็น “ผู้ประกอบการที่อยู่เบื้องหลังของผู้ประกอบการ” บริษัท Sequoia Capital ได้มุ่งเน้นไปยัง 4 ภาคส่วนที่สำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยี มีเดีย และเทเลคอม (TMT), บริการสาธารณสุข, ผู้บริโภค/บริการ และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม บริษัท Sequoia Capital ได้ดำเนินการในประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย
เกี่ยวกับ TCV
ก่อตั้งในปี 1995 บริษัท TCV เป็นบริษัทที่ช่วยจัดสรรเงินทุนสำหรับบริษัทเอกชนและมหาชนในช่วงเจริญเติบโตในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง บริษัท TCV ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในบริษัทเทคโนโลยีและได้ช่วยแนะนำเหล่าผู้บริหารผ่านการเสนอขายหุ้นและการจัดหาทรัพยากรเชิงกลยุทธ์กว่า 115 รายการ บริษัท TCV ได้ลงทุนให้กับ Airbnb, Altiris, AxiomSL, Dollar Shave Club, EmbanetCompass, EtQ, ExactTarget, Expedia, Facebook, Fandango, GoDaddy, HomeAway, LinkedIn, Netflix, OSIsoft, Rent the Runway, Sitecore, SiteMinder, Splunk, Spotify, Varsity Tutors และ Zillow สำนักงานใหญ่ของบริษัท TCV ตั้งอยู่ที่ Menlo Park ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์กและลอนดอน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท TCV รวมถึงรายชื่อบริษัทที่ได้รับการลงทุนจาก TCV โปรดไปที่ https://www.tcv.com/
เกี่ยวกับ Matrix Partners
ด้วยเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใต้การบริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกือบ 100 รายในประเทศจีน บริษัท Matrix Partners คือผู้เชี่ยวชาญในด้านการลงทุนในระยะเริ่มต้นและระยะกลาง ซึ่งได้มีการลงทุนในกว่า 430 บริษัท ซึ่งในจำนวนนี้มี 25 บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียน, 9 บริษัทที่มีมูลค่าถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 25 บริษัทที่มีมูลค่าถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่ บริษัท Matrix Partners จะลงทุนในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ, แพลตฟอร์มการซื้อขาย, บริการซอฟต์แวร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต (SaaS), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ธุรกิจการเงินผ่านการใช้เทคโนโลยี (FinTech), บริการสาธารสุขผ่านโทรศัพท์มือถือ, การพัฒนาด้านการบริโภค, สื่อใหม่และโซเชียลเน็ตเวิร์ก และภาคธุรกิจที่ผลประกอบการดีเยี่ยมต่างๆ ซึ่งได้แก่ Didi, Momo, ele.me, ofo, Kingnet, Cheetah Mobile, 21Vianet, Bona Films, Guazi, Baofeng, Edan, tubatu, Zhaogang, Yuantiku, VIPKID, PINTEC, 36Kr และอื่นๆอีกมากมาย บริษัท Matrix Partners มีสำนักงานในเมืองเคมบริดจ์และเมืองวอลแทม รัฐแมสซาชูเซตส์, เมืองพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย, เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย รวมถึงเมืองปังกิ่งและเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
เกี่ยวกับ Goldman Sachs
บริษัท Goldman Sachs Group, Inc. คือบริษัทหลักทรัพย์ จัดการลงทุน และธนาคารด้านการลงทุนชั้นนำระดับโลก ซึ่งให้บริการทางการเงินที่หลากหลายแก่ฐานลูกค้าที่สำคัญมากมาย อาทิ บริษัทนิติบุคคล สถาบันการเงิน รัฐบาล และบุคคลทั่วไป ก่อตั้งขึ้นในปี 1869 เขตการลงทุนหลักของบริษัท Goldman Sachs มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมหานครนิวยอร์กและมีสำนักงานในศูนย์การเงินที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1986 บริษัท Goldman Sachs ได้ระดมทุนกว่า 1 แสน 4 หมื่นล้านเหรีญสหรัฐในส่วนของกองทุนรวมตราสารทุนและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สำหรับการลงทุนในภูมิภาค อุตสาหกรรม และธุรกิจประเภทต่างๆมากมาย ด้วยตัวแทนเขตการลงทุนหลักใน 6 ประเทศทั่วโลก บริษัท Goldman Sachs คือหนึ่งในผู้จัดการกองทุนเอกชนทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเชิงลึกและความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับบริษัท นักลงทุน ผู้ประกอบการ และตัวกลางทางการเงินมากมาย
หากต้องการดาวน์โหลดรูปภาพหรือสื่ออื่นๆ โปรดไปที่ https://goo.gl/MYtBMr
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักลงทุนของเรา โปรดไปที่
Sequoia Capital: https://www.sequoiacap.com/
Matrix Partners: www.matrixpartners.com.cn
Goldman Sachs: www.goldmansachs.com
TCV: https://www.tcv.com/
รูปภาพ – https://photos.prnasia.com/prnh/20180807/2205118-1
คำบรรยายภาพ – (จากซ้ายไปขวา) David Liu หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์, Bernie Xiong ประธานฝ่ายเทคนิคและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท, Anita Ngai หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรรายได้, Eric Gnock Fah ประธานฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท, Ethan Lin ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท