ITEL โชว์ผลงานปี 62 กำไรพุ่ง 36% เล็งเสนอผู้ถือหุ้น แจกวอแรนท์แทนปันผล เดินหน้ารุกประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
ITEL โชว์ผลงานปี 62 โตสวยทั้งรายได้และกำไร รายได้รวมโตทะลุเป้าหมายอยู่ที่ 2,346.59 ลบ. กำไรสุทธิพุ่งแตะ 181.00 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 133.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.00 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.09 เป็นผลจากทุกกลุ่มธุรกิจขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการให้บริการโครงข่าย การให้บริการติดตั้งโครงข่าย และการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ พร้อมเดินหน้ารุกทุกธุรกิจโตเต็มสูบ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 63 แตะ 2,400 ล้านบาท เตรียมออก Warrant ในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิระดมทุนขยายธุรกิจ ราคาใช้สิทธิ 3.00 บาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,346.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.63% จากปี 2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,611.36 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 181.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.09% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 133.00 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/2562 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 550.07 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวดไตรมาส 4/2562 จำนวน 44.45 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 30.70% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2562 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีโครงข่ายครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัด รวมทั้งมีการเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้าหลากหลายเส้นทาง ซึ่งสามารถสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้มากขึ้น และที่ผ่านมาบริษัทสร้างความน่าเชื่อถือของคุณภาพโครงข่ายจนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทำให้บริษัทยังคงมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้เนื่องมาจากประสิทธิภาพของโครงข่ายที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาดทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายได้จากการให้บริการโครงข่ายในปี 2562 อยู่ที่ 848.86 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 26.42 % จากปี 2561 มีรายได้ 671.44 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายในปี 2562 เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 66.88% หรืออยู่ที่ 1,387.53 ล้านบาท จากปี 2562 มีรายได้อยู่ที่ 831.45 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการโซลูชั่นต่างๆให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และลูกค้ามีความมั่นใจในบริการของบริษัทฯ อยู่
แล้ว ในปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ รับรู้รายได้โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) จำนวน 950.18 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดและเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 เป็นต้นไป พร้อมลุยพัฒนาโซลูชั่น 5G เพื่อต่อยอดการเข้าประมูลโครงการ Tele Health ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายโครงการเน็ตประชารัฐและเตรียมรับอานิสงส์วางระบบ-ติดตั้งโครงข่าย 5G ของ Mobile operator อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดโอกาสได้รับงานติดตั้งโครงข่ายย่อยให้กับบริษัท Supplier ที่เป็นคู่สัญญาของ Mobile operator โดยบริษัทยังมีงานอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการที่ดี และการรุกการให้บริการในทุกธุรกิจ สนับสนุนให้ผลงานเติบโตแข็งแกร่ง
ขณะที่รายได้จากการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ทั้งปีเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.72 % อันเนื่องมาจากฐานลูกค้าที่ใช้งานปี 2562 มีมากถึง 95% ทำให้รายได้จากการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ในปี 2562 อยู่ที่ 93.91 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 88.00 ล้านบาท ซึ่งยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ นายณัฐนัย กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2563 จะเป็นปีที่เห็นบริษัท มีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะระดับ 2,400 ล้านบาท ในส่วนของกำไรนั้นคาดว่าจากการมี Backlog สะสมอยู่มากพอสมควร โดยปัจจุบันบริษัทมีสัญญาในมือ (Backlog) อยู่แล้วทั้งสิ้น 4,578 ล้านบาท เป็นงานบริการโครงข่าย 3,566 ล้านบาท งานให้บริการติดตั้งโครงข่าย 857 ล้านบาท และงานให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์155 ล้านบาท ซึ่งทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทมีทิศทางที่ดี พร้อมรุกตลาดเต็มรูปแบบทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะบริการโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กร ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญใหม่โดยไม่คิดมูลค่า (Free Warrant) ให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 Free Warrant ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใคร่ครวญแล้ว เพื่อรักษาประโยชน์ของ ผู้ถือหุ้น ขณะที่เตรียมความมั่นคงทางการเงินเพิ่มให้กับบริษัท ด้วยการถนอมเงินกองทุนส่วนผู้ถือหุ้นและหาหนทางที่จะปรับฐานการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะมีในปี 2563 นี้ โดย ITEL-W2 นี้จะมีราคาแปลงสิทธิที่ 3.00 บาท กำหนดใช้สิทธิในระยะเวลา 1 ปี โดยจะนำเข้าพิจารณาในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 เมษายน 2563
ในปี 2563 นี้ แม้ในสภาวะสภาพเศรษฐกิจและสังคมชะลอตัว บริษัทฯ ยังมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับการลงทุนและการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาต่อไปในอนาคต บริษัทฯ จึงต้องเตรียมพร้อมเสมอในการทำธุรกิจด้วยการสร้างฐานเงินทุนที่เข้มแข็งขึ้น พร้อมรองรับงานใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น ส่งผลแก่ประโยชน์ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทฯ ต่อไป