ILINK เผยไตรมาส 2/62 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 72.24 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจโทรคมนาคมเติบโตต่อเนื่องและสามารถควบคุมต้นทุนธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านผู้บริหาร “สมบัติ อนันตรัมพร” ยังยืนยันเป้ารายได้ปีนี้มีโอกาสแตะ 5.4 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังเตรียมการประมูลโครงการ Submarine Cable เกาะสมุย และเกาะปันหยี มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2562 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,290.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน อยู่ที่ 72.24 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ซึ่งเป็นการนำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร รวมทั้งอุปกรณ์เครือข่าย (Networking) และตู้ Rack ใส่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (19” Rack) 2. ธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งเป็นรายได้จากการให้เช่าวงจรสื่อสารความเร็วสูง และให้บริการเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมทั้งการติดตั้งระบบโครงข่ายสายสัญญาณและระบบโทรคมนาคมให้ลูกค้าที่ใช้บริการเช่าวงจร การก่อสร้างโครงข่าย Fiber Optic ให้กับผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบของ กสทช.อีกด้วย และ 3. ธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ ซึ่งเป็นรายได้จากการรับเหมาโครงการวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและโครงการพิเศษตามสัญญาจ้าง ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
“สำหรับผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 นั้น กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,290.41 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ร้อยละ 45.46 ของรายได้รวม เป็นรายได้ที่เติบโตขึ้นของธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งบรรลุตามเป้าหมายที่กลุ่มบริษัทฯ ตั้งไว้ และเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีตั้งแต่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ ยังคงต้องบันทึกบัญชีของอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งบริษัทฯได้ทำการ Forward ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้ในตัวเลขของงบดุลที่ต้องแสดงยอดกำไรสุทธิที่มีผลดำเนินงานที่ดี แต่ต้องไปหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 33.23 ล้านบาท (สุทธิของภาษีเท่ากับ 26.58 ล้านบาท) จึงอาจสร้างความสับสน ให้เกิดความไม่เข้าใจในผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทฯได้ โดยในปี 2562 นี้ ทางบริษัทฯมั่นใจที่จะสร้างทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ เพราะสามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายสมบัติ กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 2562 บริษัทฯได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท โดยคาดหมายว่าจะมีรายได้เติบโตจากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณซึ่งมีการแต่งตั้ง Distribution ไปในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า จำนวน 3 ราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 3 ราย ราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 2 ราย อีกทั้งยังได้เปิด Show Room Online ใน Lazada, Shopee และ ID Central เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเพิ่มเติม และล่าสุดเมื่อ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสมบัติ อนันตรัมพร ได้บินไปเปิดงาน LINK ROADSHOW CAMBODIA ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยได้รับความสนใจ มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
สำหรับธุรกิจโทรคมนาคมยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากมีรายได้ในการให้เช่าวงจรสื่อสารความเร็วสูง ซึ่งมีทั้งลูกค้าในกลุ่มธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทขนาดใหญ่ทีมีสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งยังชนะการประกวดราคาโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบของกสทช. มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ทำให้สามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง และยังมีรายได้คงที่จากการให้เช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ และลูกค้าเดิมที่ต่อสัญญามาโดยตลอด
และธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษที่นอกจากจะพยายามเร่งรัดและสร้างกำไรจากการดำเนินงานโครงการ Satellite Terminal ของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ก่อสร้างมานานกว่า 3 ปี ให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ยังจะได้เตรียมประกวดราคาโครงการ Submarine Cable ของเกาะสมุยวงจร 4 มีมูลค่า 1,767 ล้านบาท และเกาะปันหยีมูลค่า 188 ล้านบาท ซึ่งได้ล่าช้ามากว่า 3 ปี โดยการประมูลจะเริ่มขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้
ข้อมูลบริษัท :
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่าย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 32 ปี มีสาขา 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศและมีตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าและร้านค้า อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 15,000 ราย รวมทั้งลูกค้าภาครัฐอีกมากกว่า 100 องค์กร อีกทั้งยังได้นำความเชี่ยวชาญมาต่อยอดเป็น ธุรกิจโทรคมนาคม โดยเป็นผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกทั่วไทย เน้นลูกค้าที่มีการเชื่อมโยงสาขา ทั้งภาคธุรกิจ ภาคการเงินและภาครัฐ โดยยังได้สร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการรับฝากข้อมูลของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วยและอีกหนึ่งธุรกิจที่นำความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรรมมารับเหมางานโครงการก็คือ ธุรกิจวิศวกรรม เป็นโครงการ Turn Key การก่อสร้างระบบโครงข่ายและระบบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าและสื่อสาร เช่น ระบบสายไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการสายส่งไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น
ในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,485 ล้านบาท โดยประมาณการสัดส่วนรายได้ดังนี้
1.ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (DISTRIBUTION) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 45%)
2.ธุรกิจโทรคมนาคม (TELECOM) : (สัดส่วนรายได้ประมาณ 37%)
3.ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ (ENGINEERING): (สัดส่วนรายได้ประมาณ 18%)