H&M group สนับสนุนให้ซัพพลายเออร์จ่ายค่าจ้างพนักงานผ่านระบบดิจิทัล หวังยกระดับคุณภาพชีวิตคนงานเกือบ 2 ล้านคน
H&M group ขึ้นแท่นแบรนด์แฟชั่นระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วม Better Than Cash Alliance ขององค์การสหประชาชาติ
H&M group บริษัทแฟชั่นสัญชาติสวีเดน เตรียมสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์จ่ายค่าจ้างพนักงานผ่านโทรศัพท์มือถือหรือระบบดิจิทัลอื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนงาน เพิ่มความโปร่งใส และลดต้นทุนของโรงงาน
http://photos.prnewswire.com/prnvar/20120919/CG77018LOGO
ความพยายามครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้เข้าร่วม Better Than Cash Alliance ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างรัฐบาล บริษัท และองค์กรระหว่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนการจ่ายเงินด้วยเงินสดไปเป็นระบบดิจิทัล
Gustav Loven ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืนทางสังคมของ H&M group กล่าวว่า “การจ่ายเงินด้วยระบบดิจิทัลเป็นวิธีที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานของบรรดาซัพพลายเออร์ของเรา โดยช่วยให้พนักงานได้รับค่าแรงเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และโปร่งใสกว่าเดิม อีกทั้งยังส่งเสริมให้ทุกคนได้เข้าถึงบริการทางการเงิน และช่วยให้สตรีมีอิสระทางการเงินมากขึ้น สำหรับซัพพลายเออร์นั้น การจ่ายค่าจ้างด้วยระบบดิจิทัลยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย และทำให้ข้อมูลค่าจ้างมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้นด้วย”
ในห่วงโซ่อุปทานของ H&M group มีพนักงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน และ 65% จากทั้งหมดเป็นผู้หญิง ซึ่งมีช่องทางเข้าถึงบริการทางการเงินที่จำกัด ทั้งที่สิ่งนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว พนักงานโรงงานจำนวนมากทั่วโลกได้รับค่าแรงเป็นเงินสด ซึ่งเป็นภาระและอันตรายทั้งสำหรับบริษัทและตัวพนักงานเอง ดังนั้น การผลักดันให้ซัพพลายเออร์จ่ายค่าจ้างผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น บัญชีธนาคาร บัตร หรือโทรศัพท์มือถือ จึงถือเป็นความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนของ H&M group และบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี มีค่าจ้างที่ยุติธรรม และผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
พนักงานหญิงเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานระดับองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ข้อที่ 5 ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ และข้อที่ 8 ว่าด้วยการจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
Dr.Ruth Goodwin-Groen กรรมการผู้จัดการ Better Than Cash Alliance กล่าวว่า “H&M group กำลังแสดงให้เห็นว่า การจ่ายค่าจ้างด้วยเงินสดทำให้พนักงานไม่มีอำนาจทางการเงินเท่าที่ควร ทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มความโปร่งใสภายในบริษัท และเป็นระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ความเป็นผู้นำของ H&M group จะช่วยจุดประกายให้บริษัทอื่นๆ ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมนี้ หันมาจ่ายค่าจ้างผ่านระบบดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินในตลาดเกิดใหม่ และมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”
นอกจากนี้ H&M group ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการใช้ฝ้ายออร์แกนิกและฝ้ายจากโครงการ Better Cotton ทั้งยังยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม การขยายความครอบคลุมของการจ่ายค่าจ้างผ่านระบบดิจิทัลมาสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมฝ้ายทั่วโลก อาจเข้าถึงผู้คนกว่า 250 ล้านคน ซึ่งรวมถึงเกษตรกรรายย่อยที่เข้าถึงระบบชำระเงินดิจิทัลและบริการทางการเงินในวงจำกัด โดยระบบที่ออกแบบด้วยความรับผิดชอบและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จะทำให้ H&M group สามารถขยายฐานซัพพลายเออร์และช่วยสร้างภาคการเกษตรที่มั่งคั่งและยั่งยืน ซึ่งเป็นหลักชัยที่สำคัญอย่างหนึ่งตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
Better Than Cash Alliance ได้เผยแพร่ผลวิจัยฉบับใหม่เกี่ยวกับโรงงานเสื้อผ้าหลายแห่งในบังกลาเทศที่เปลี่ยนจากการจ่ายค่าจ้างพนักงานด้วยเงินสดมาเป็นระบบดิจิทัลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจากมุมมองของโรงงานพบว่า การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถลดการเสียเวลางานได้ราว 750 ชั่วโมงต่อเดือน เนื่องจากพนักงานใช้เวลาอยู่ห่างจากสายการผลิตน้อยลง และยังช่วยลดต้นทุนได้กว่า 85% ภายใน 2 ปีหลังจ่ายค่าจ้างผ่านโทรศัพท์มือถือ/บัญชีธนาคาร นอกจากนั้นยังช่วยให้พนักงานเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น ด้วยการดึงคนงานที่ไม่มีบัญชีธนาคารเข้าสู่ระบบการเงินที่เป็นทางการ และเสริมสร้างทักษะด้านการเงินให้คนงานเหล่านี้
H&M group ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Better Than Cash Alliance ที่มีสมาชิกอีก 55 ราย โดย H&M group สามารถเข้าถึงองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของทางกลุ่มและสมาชิก เพื่อเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่การจ่ายเงินด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงบริการทางการเงิน
เกี่ยวกับ Better Than Cash Alliance
Better Than Cash Alliance เป็นกลุ่มความร่วมมือของรัฐบาล บริษัท และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านจากการชำระเงินด้วยเงินสดไปเป็นระบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยบรรเทาความยากไร้และส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง โดยมีกองทุนพัฒนาเงินทุนแห่งสหประชาชาติ (UNCDF) ทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.betterthancash.org หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางทวิตเตอร์ @BetterThan_Cash และลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสารได้ที่ http://betterthancash.org/sign-up/
โลโก้ – http://photos.prnewswire.com/prnh/20120919/CG77018LOGO