บริษัท GCL System Integration (GCLSI) ผู้ให้บริการระบบพลังงานแบบบูรณาการครบวงจรระดับโลก ประกาศความร่วมมือกับบริษัทก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่สองแห่งในญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี 2565 โดยทั้งสองโครงการนั้นได้รับการสนับสนุนจาก MUFG Bank, Mizuho Bank, SMBC Group และธนาคารอื่นๆ ของญี่ปุ่น
สำหรับโครงการแรกเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 37 เมกะวัตต์ (MW) ในจังหวัดโคจิ ครอบคลุมพื้นที่ราว 280,000 เฮกตาร์ และได้รับการออกแบบให้ผลิตไฟฟ้า 45,000 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ต่อปี เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะกลายเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแผงโซลาร์เซลล์ หรือโมดูลแบบ cast-mono ที่ล้ำหน้าของ GCLSI
ส่วนโครงการที่สองเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 27 เมกะวัตต์ในภูมิภาคคันโต ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 240,000 เฮกตาร์ คุณ Riki Li ผู้จัดการ GCL ประจำประเทศญี่ปุ่น ได้อธิบายถึงรายละเอียดของโครงการนี้ โดยระบุว่า “ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเราในโครงการนี้คือ การขออนุมัติแผนงาน” หลังจากดำเนินการพัฒนาอยู่สามปี ในที่สุดโครงการโรงไฟฟ้าก็ได้เริ่มก่อสร้าง คาดว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 29,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี
หลังเกิดโศกนาฎกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ เมื่อปี 2554 ญี่ปุ่นทุ่มเทความพยายามอย่างหนักในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ และปรับเปลี่ยนนโยบายหันไปใช้พลังงานทดแทน โดยข้อมูลในรายงานของสถาบันนโยบายพลังงานที่ยั่งยืน (Institute for Sustainable Energy Policies: ISEP) ระบุว่า กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้ง เพิ่มขึ้น 5.7 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งเมื่อรวมแล้วจะอยู่ที่เกือบ 54 กิกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2562 สำหรับปีนี้ คาดว่ากำลังการผลิตใหม่ในภูมิภาคจะเพิ่มขึ้น 7 กิกะวัตตต์
GCL เริ่มดำเนินธุรกิจซิลิคอนในญี่ปุ่นเมื่อปี 2553 และขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่การพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2557 และการจำหน่ายโมดูลในปี 2560 โดยปัจจุบัน GCL ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 58 เมกะวัตต์ในภูมิภาค GCL มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดในทุกๆ วัตต์ให้กับลูกค้า ในฐานะผู้ให้บริการระบบพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ซึ่งมีระบบการผลิตที่แข็งแกร่งเป็นของตนเอง โดยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์คุณภาพสูง และมีอัตราประสิทธิภาพ/ราคาในระดับสูง ทีมงานของ GCL ประเทศญี่ปุ่นยังแสวงหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพันธมิตร และสนับสนุนเป้าหมายของญี่ปุ่นในการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593