– โรงแรม 210 แห่งทั่วโลกคว้ารางวัลห้าดาว โดยมีโรงแรมหน้าใหม่ 21 แห่งที่ได้รับรางวัลสูงสุดนี้เป็นครั้งแรก
– The Peninsula Hotels เป็นเครือโรงแรมแรกของโลกที่มีโรงแรมในเครือคว้ารางวัลห้าดาวได้ทั้งหมด
– มีจุดหมายปลายทางใหม่ 11 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับเป็นครั้งแรก ขณะที่มาเลเซีย โปรตุเกส เกาหลีใต้ ตุรกี เวียดนาม ประเดิมรางวัลห้าดาวเป็นครั้งแรก
– มีโรงแรมในตะวันออกกลางได้รับรางวัลมากขึ้น โดยมีโรงแรมห้าดาวแห่งใหม่ในกรุงอาบูดาบี และโรงแรมสี่ดาวแห่งใหม่ในบาห์เรนและโอมาน
Forbes Travel Guide ขอประกาศผลการจัดอันดับ Star Rating ครั้งที่ 61 ในวันนี้ เพื่อยกย่องสุดยอดโรงแรมชั้นนำของโลก พร้อมมอบรางวัลเชิดชูงานบริการอันเป็นเลิศ
ผู้ชนะรางวัลประจำปี 2019 ประกอบด้วยโรงแรมระดับห้าดาว 21 แห่งใหม่ ระดับสี่ดาว 49 แห่งใหม่ และโรงแรมแนะนำ 62 แห่งใหม่ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นครั้งแรกยังรวมถึงร้านอาหารระดับห้าดาว 6 แห่ง รวมถึงสปาระดับห้าดาว 8 แห่ง และระดับสี่ดาว 21 แห่ง สามารถดูผลการจัดอันดับทั้งหมดได้ที่ https://www.forbestravelguide.com/award-winners
สำหรับเครือโรงแรมที่มีผลงานโดดเด่นได้แก่ The Peninsula Hotels ซึ่งได้สร้างประวัติศาสตร์ในการจัดอันดับของ Forbes Travel Guide ในฐานะเครือโรงแรมแรกของโลกที่มีโรงแรมในเครือคว้ารางวัลห้าดาวได้ทั้งหมด หลังโรงแรม The Peninsula Manila คว้าดาวที่ห้ามาได้ในปีนี้ ส่งผลให้แบรนด์โรงแรมของฮ่องกงแห่งนี้ มีจำนวนโรงแรมห้าดาวทั้งสิ้น 10 แห่ง
Forbes Travel Guide จัดอันดับใน 76 ประเทศ ครอบคลุมทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชียแปซิฟิก แอฟริกา และตะวันออกกลาง สำหรับจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับในปี 2019 ประกอบด้วย แองกวิลลา บาห์เรน เบลีซ ดานัง โดฮา ฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ ฮอยอัน อิสตันบูล โอมาน เพิร์ท สวิสแอลป์ เทลอาวีฟ และอุรุกวัย
การจัดอันดับในปีนี้มีหลายประเทศที่ประเดิมรางวัลห้าดาวนี้เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย (Crockfords at Resorts World Genting), โปรตุเกส (Four Seasons Hotel Ritz Lisbon), เกาหลีใต้ (The Shilla Seoul), ตุรกี (Raffles Istanbul) และเวียดนาม (Four Seasons Resort The Nam Hai, Hoi An).
กรุงลอนดอนได้เข้ามาแย่งตำแหน่งเมืองที่มีโรงแรมห้าดาวมากที่สุดจากมาเก๊า หลังมีโรงแรมคว้ารางวัลห้าดาวเพิ่มอีก 4 แห่ง (Bulgari Hotel & Residences, London; The Langham, London; Mandarin Oriental, Hyde Park, London; Shangri-La Hotel, At The Shard, London) โดยลอนดอนมีโรงแรมห้าดาวทั้งสิ้น 13 แห่ง เหนือมาเก๊าที่มีอยู่ 12 แห่งอย่างเฉียดฉิว
สหรัฐอเมริกามีโรงแรมห้าดาวเพิ่ม 2 แห่ง (Four Seasons Resort Lanai ที่ฮาวาย และ Salamander Resort & Spa ที่ดีซี) ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่คว้ารางวัลห้าดาวเพิ่มอีก 1 แห่งนั้นมีทั้งแคนาดา (Fairmont Pacific Rim), จีน (Bulgari Hotel Beijing), ฝรั่งเศส (Hotel de Crillon, A Rosewood Hotel), อินโดนีเซีย (Bulgari Resort Bali), เม็กซิโก (Rosewood San Miguel de Allende), ฟิลิปปินส์ (The Peninsula Manila) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Four Seasons Hotel Abu Dhabi at Al Maryah Island)
“Forbes Travel Guide มีหน้าที่พิสูจน์ความหรูหรา กระบวนการตรวจสอบอิสระของเรานับเป็นมาตรฐานระดับทองคำในแวดวงงานบริการ” Filip Boyen ซีอีโอของ Forbes Travel Guide กล่าว “นักเดินทางผู้มีรสนิยมเชื่อมั่นได้ว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลแต่ละแห่งเป็นที่สุดของที่สุด โดยเรามีความยินดีในการเชิดชูผู้ที่ติดอันดับ Star Rating ประจำปี 2019 นี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโรงแรม ร้านอาหาร และสปา ที่อุทิศตนต่อคุณภาพในการบริการแขกผู้เข้าพัก”
Forbes Travel Guide จะมอบรางวัลแก่ผู้ได้รับการจัดอันดับบนเวที Verified, The Forbes Travel Guide Luxury Summit ณ โรงแรม The Beverly Hilton เมืองเบเวอร์ลีฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย วันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้
รับชมข้อมูลสำคัญและแนวโน้มจากการจัดอันดับ 2019 Star Awards ได้ที่ https://secure.s.forbestravelguide.com/AboutRecentNews/2019FactsFigures.Final.pdf
รับชมเกณฑ์จัดอันดับ Star Rating ของ FTG ได้ที่ https://www.forbestravelguide.com/about รับชมผลการจัดอันดับประจำปี 2019 ทั้งหมดได้ที่ https://www.forbestravelguide.com/award-winners