ECF เผยแนวโน้ม Q4/60 โตต่อเนื่อง เตรียมรับรูรายได้ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.แพร่ ฟอร์มดีทุกกลุ่มธุรกิจ โชว์ผลงานงวดไตรมาส 3 กำไรจากการขายและดำเนินงานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์โต 204% และงบรวมงวด 9 เดือน กวาดรายได้ 1,080.70 ล้านบาท กำไร 41.52 ล้านบาท

0
379
image_pdfimage_printPrint

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ “ELEGA” และโชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY “FINNA HOUSE” เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ช่วงปลายปี มีความคึกคักมากขึ้น รับอานิสงส์มติครม.ออกมาตรการ ช๊อบปิ้งช่วยชาติ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค.60 วงเงิน 15,000 บาทนำไปลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ อีกทั้ง ครม.ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ในการซ่อมแซมบ้านเรือน เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุน ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งงวด 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายในประเทศเติบโต 12% และบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย เพิ่มช่องทางจำหน่ายในประเทศให้มากขึ้น ตามการขยายตัวของร้านค้าปลีก-ส่งเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศ โมเดิร์นเทรดต่าง ๆ และเจรจากับลูกค้าใหม่ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสสามที่ผ่านมา จำนวน 6.7 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ในเดือน ม.ค. 61 และ ก.พ. 61 ตามลำดับ

นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้เริ่มก่อสร้างเฟสแรกแล้ว คาดว่าจะเริ่ม COD กลางปี 61 มั่นใจแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าช่วยส่งเสริม และสร้างการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทต่อไปในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายโครงการ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 353.80 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 316.37 ล้านบาท จำนวน 37.43 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 % และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 19.15 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 204 สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 17.99 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 34 เนื่องจากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่น
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าภาพรวมผลประกอบการในไตรมาสนี้ ในส่วนของกำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 34 แต่หากพิจารณาจากกำไรสุทธิเฉพาะธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และส่วนแบ่งกำไรที่รับรู้จากการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าในปีนี้ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 540 % ซึ่งไม่นับรวมกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้รวมทั้งสิ้น 1,080.70 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,007.49 ล้านบาท จำนวน 73.20 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.27 % และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 53.40 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17 สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 41.52 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมกำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นของไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ผลการดำเนินงานของบริษัททั้งส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และส่วนที่รวมธุรกิจพลังงานยังนับว่าเติบโตต่อเนื่อง