ECF เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ พร้อมลุยลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และธุรกิจพลังงานทดแทน บอร์ดไฟเขียวระดมทุนออก PP จำนวนไม่เกิน 7.9 ล้านหุ้น ให้กับบุคคลในวงจำกัด นักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา จำนวน 3 ราย

0
835
image_pdfimage_printPrint

ECF เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ พร้อมลุยลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และธุรกิจพลังงานทดแทน บอร์ดไฟเขียวระดมทุนออก PP จำนวนไม่เกิน 7.9 ล้านหุ้น ให้กับบุคคลในวงจำกัด นักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา จำนวน 3 ราย

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์ เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งที่ 3 โดยการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนรวมไม่เกิน 7,900,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางสาวศุภลักษณ์ เศษธะพานิช จำนวนไม่เกิน 3,950,000 หุ้น นายเอกชัย ตรีสุริยาแสงโชติ จำนวนไม่เกิน 2,370,000 หุ้น และ นายชาญชัย อิสรานนทกร จำนวนไม่เกิน 1,580,000 หุ้น โดยเป็นนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง และมีศักยภาพในการลงทุนได้จริง รวมทั้งมีความรู้ความสามารถประสบการณ์ หรือศักยภาพในการที่เป็นประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ

อีกทั้ง ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาถัวเฉลี่ย ถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทฯ ใน ตลท. ย้อนหลัง 7 วันทำการ ติดต่อกัน และก่อนวันกำหนดราคาเสนอขายต่อนักลงทุน โดยมูลค่าการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินทุนจำนวน 49,138,000 บาท

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการออกและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) รวมถึงแผนการใช้เงิน บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทฯ และเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจหลัก หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานต่าง ๆ

ปัจจุบันบริษัทฯ มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินทุนตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้เงินทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ จำนวน 250 ล้านบาท เงินทุนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเมียนมาร์ ที่บริษัทฯ เข้าลงทุนโดยการถือหุ้น 20 % ในบริษัทพลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินในช่วงปี 2561 จำนวน 166 ล้านบาท และเป็นเงินทุนสำหรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลต่างๆที่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ผ่านบริษัทร่วมทุน (บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (“SAFE”) ซึ่งบริษัทย่อยของบริษัทฯ (บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด) ถือหุ้นใน SAFE คิดเป็นสัดส่วน 33.37% โดยมีความจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุน จำนวนประมาณ 15 ล้านบาท นายอารักษ์ กล่าว