1

Coty Inc. ประกาศโครงสร้างองค์กรและทีมบริหารชุดใหม่ เพื่อเสริมตำแหน่งผู้นำระดับโลกของบริษัทในอุตสาหกรรมความงาม

นิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–3 พ.ย. 2558

– มีผลหลังเสร็จสิ้นการควบรวมกับธุรกิจน้ำหอม เครื่องสำอาง ร้านเสริมความงาม สีผมและจัดแต่งทรงของ P&G

Coty Inc. (NYSE:COTY) ประกาศในวันนี้ถึงโครงสร้างองค์กรใหม่และทีมผู้นำในอนาคตของบริษัท ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมีผลภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมระหว่าง Coty กับธุรกิจน้ำหอม เครื่องสำอาง ร้านเสริมความงาม และสีผมและการจัดแต่งทรงของ Procter & Gamble Company (NYSE:PG) (“P&G Specialty Beauty Business”) คาดว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งเสริมให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการผลักดัน Coty ขึ้นแท่นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมความงาม

บาร์ท เบคท์ ประธานกรรมการและรักษาการซีอีโอของ Coty แสดงความเห็นว่า “Coty โฉมใหม่จะรวมเอาทีมบริหารที่หลากหลายและมากประสบการณ์ ซึ่งมีทักษะในการบริหารธุรกิจผู้บริโภคระดับโลกที่มีความซับซ้อน พร้อมผลักดันนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และการเติบโต ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นลำดับต้นๆสำหรับความสำเร็จในอนาคต ด้วยทีมที่มีประสบการณ์สูง ประกอบกับโครงสร้างองค์กรใหม่ซึ่งมุ่งเน้นเฉพาะหมวดหมู่และให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลัก ตลอดจนแบรนด์ระดับเวิลด์คลาสของเรา คาดว่าทั้งหมดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ Coty เป็นผู้นำระดับโลกที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้ท้าชิงในอุตสาหกรรมความงาม พร้อมผลักดันการเติบโตของกำไรและมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในเวลาต่อไป”

โครงสร้างองค์กรใหม่ของ Coty จะมุ่งเน้นเฉพาะหมวดหมู่ และให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก ด้วยการกำหนดเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงว่าผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไมจึงซื้อ แต่ละแผนกจะมีหน้าที่รับผิดชอบแบบครบวงจรเพื่อยกระดับประสบการณ์ความงามของผู้บริโภคในประเภทและช่องทางที่เกี่ยวข้องภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ และเปลี่ยนสิ่งนี้ให้เป็นการเติบโตอย่างมีกำไร ดังนั้น ภายหลังการควบรวม ธุรกิจของ Coty จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แผนก ได้แก่

– Coty Luxury Division: เน้นไปที่น้ำหอมและการดูแลผิว
– Coty Consumer Beauty Division: เน้นไปที่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สีผมและจัดแต่งทรงผมสำหรับผู้บริโภค และการดูแลผิวกาย
– Coty Professional Beauty Division: เน้นไปที่การให้บริการแก่เจ้าของร้านเสริมความงามและมืออาชีพ ทั้งการดูแลผมและเล็บ

นอกจากนี้ Coty ยังจะเปิดตัวฝ่ายงานใหม่ในชื่อ Growth and Digital ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การเร่งการเติบโต โดยจะมีการทบทวนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทเป็นประจำ รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับทั้ง 3 แผนกข้างต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรม การขาย และการตลาดแบบดั้งเดิมและดิจิทัล

แต่ละแผนกซึ่งประกอบไปด้วย Luxury, Consumer Beauty และ Professional Beauty จะมีประธานเป็นผู้นำแผนก ซึ่งได้รับการสนับสนุนในด้านห่วงโซ่อุปทาน การเงิน ทรัพยากรบุคคล และบริการข้อมูล ทุกแผนกจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทีมบริหารซึ่งประกอบไปด้วยประธาน หัวหน้างาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จำนวน 3 คน ทีมบริหารจะกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ แสวงหาโอกาสในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) สร้างศักยภาพให้กับองค์กร และปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทจดทะเบียน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างองค์กรใหม่ Coty มีแผนจะย้ายสำนักงานบริหารของบริษัทไปยังลอนดอน โดยการดำเนินงานในลอนดอนจะช่วยให้ Coty ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในฐานะผู้นำระดับโลก เพราะจะอยู่ใกล้กับหลายตลาดทั่วโลกที่มีความสำคัญกับบริษัทในเชิงกลยุทธ์ คาดว่าทีมบริหารจะประจำอยู่ในลอนดอน ซึ่งรวมถึง แต่ไม่ได้จำกัดเพียงสำนักงานของประธานคณะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ทรัพยากรบุคคล กฎหมาย และ Growth and Digital ขณะที่กลุ่มบริษัทจะยังคงมีการดำเนินงานอยู่ในรัฐเดลาแวร์ และจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ผู้นำองค์กร

คณะผู้นำองค์กรชุดใหม่ของ Coty ผนวกรวมความรู้ความเชี่ยวชาญและความสามารถของเหล่าผู้บริหารจาก Coty, P&G Specialty Beauty และบริษัทชั้นนำอื่นๆเข้าไว้ด้วยกัน โดยผู้บริหารมากประสบการณ์เหล่านี้ล้วนสั่งสมประสบการณ์ด้านการสร้างและส่งเสริมแบรนด์สินค้าบริโภคมาอย่างกว้างขวาง พร้อมด้วยทักษะอันล้ำลึกและรอบด้าน ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้อาศัยทักษะเหล่านี้เพื่อมอบผลประโยชน์ให้กับพนักงาน ผู้ออกใบอนุญาต ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และผู้ถือหุ้นของ Coty

บาร์ท เบคท์ (Bart Becht) ประธานกรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – นายเบคท์จะยังคงรับผิดชอบในการขับเคลื่อนให้ Coty เป็นผู้นำและคู่แข่งระดับโลกในอุตสาหกรรมความงาม และเสริมสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้นไปพร้อมๆกัน โดยก่อนที่เขาได้เข้ามาร่วมงานกับCoty เมื่อปี 2011 ในตำแหน่งประธานกรรมการ นายเบคท์เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Reckitt Benckiser บริษัทสินค้าบริโภคชั้นนำระดับโลกมาตั้งแต่ปี 1995 จนถึงปี 2011 นายเบคท์ได้สั่งสมประสบการณ์ทางธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 30 ปีในการสร้างแบรนด์สินค้าบริโภคทั่วโลก นายเบคท์จะยังคงประจำอยู่ที่กรุงลอนดอนภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

พาทริซ เดอ ทาลูเอต์ (Patrice de Talhouet) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน – นายเดอ ทาลูเอต์ จะยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบด้านการเงินต่อไป นอกจากนี้เขายังจะเข้ามารับผิดชอบในส่วนของกิจกรรม M&A ทั้งหมด เช่นเดียวกับระบบข้อมูลข่าวสารและอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Coty เขาได้ใช้เวลาถึง 7 ปีที่ Mars, Inc. โดยดำรงตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการเงินมาแล้วมากมาย และได้ทำงานเป็นเวลาถึง 12 ปีให้กับ Alcatel-Lucent นายเดอ ทาลูเอต์ จะย้ายจากนิวยอร์กมาดำรงตำแหน่งที่กรุงลอนดอน ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

คามิลโล เพน (Camillo Pane) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย Growth and Digital – นายเพนจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนของ Coty และจะรับผิดชอบในการพัฒนานวัตกรรมของ Coty ตลอดจนศักยภาพทางการตลาดและการขายในทุกฝ่าย อีกทั้งกำหนดทิศทางสื่อดิจิทัลและกิจกรรมอี-คอมเมิร์ซของ Coty เขาร่วมงานกับ Reckitt Benckiser เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ซึ่งตำแหน่งล่าสุดของเขาที่ Reckitt ได้แก่ รองประธานอาวุโส, Global Category Officer Consumer Health นายเพนจะประจำที่กรุงลอนดอน ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

เอดการ์ ฮูเบอร์ (Edgar Huber) ประธานของ Coty Luxury – นายฮูเบอร์ จะดูแลแผนก Fragrances and Skin Care ของ Coty นายฮูเบอร์เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลากว่า 25 ปีในการสร้างแบรนด์ในอุตสาหกรรมความงามและแฟชั่น นายฮูเบอร์ทำงานให้กับ L’Oreal เป็นเวลาถึง 15 ปี ซึ่งส่วนใหญ่รับผิดชอบในแผนก Luxury Products Division ของ L’Oreal ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Ralph Lauren Fragrances, VIKTOR AND ROLF, Yves Saint Laurent Beauty และ Giorgio Armani Cosmetics สำหรับตำแหน่งล่าสุดของเขาคือ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Lands’ End นายฮูเบอร์จะประจำที่กรุงปารีส ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

เอซิ เอ็กเกิลสตัน เบรซีย์ (Esi Eggleston Bracey) ประธานของ Coty Consumer Beauty – นางเอ็กเกิลสตัน เบรซีย์ จะดูแลแผนก Color Cosmetics, Hair Coloring and Styling, and Body Care ของ Coty ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร, Global Color Cosmetics ของ P&G ซึ่งเธอเป็นผู้กำหนดทิศทางให้กับแบรนด์ COVERGIRL และ Max Factor ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก นางเอ็กเกิลสตัน เบรซีย์ ได้สั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลากว่า 24 ปี โดยได้ทำงานมากว่า 15 ปีในแวดวง Beauty and Personal Care อีกทั้งยังดูแลรับผิดชอบในการพลิกโฉม COVERGIRL ให้เป็นแบรนด์ป๊อปคัลเจอร์ชั้นนำอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เช่นเดียวกับการขยาย P&G Cosmetics ไปทั่วโลกด้วยการเปลี่ยนโฉมแบรนด์ Max Factor ให้มีความทันสมัยขึ้น ทั้งนี้เธอจะย้ายจากเจนีวาไปประจำที่นิวยอร์ก ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

ซิลวี โมโร (Sylvie Moreau) ประธาน Coty Professional Beauty – นางโมโรจะรับผิดชอบธุรกิจร้านเสริมความงามทั้งการดูแลเส้นผมและเล็บ ปัจจุบันเธอเป็นรองประธานบริหารของ Wella ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนก Salon Division ของ P&G ตลอดระยะเวลา 21 ปีของเธอบนเส้นทางอาชีพ นางโมโรได้บริหารแบรนด์ดังมากมายในตำแหน่งต่างๆ ทั้งระดับประเทศ ภูมิภาค และนานาชาติ โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เธอทำงานในแผนก Salon Professional ของ P&G ซึ่งเธอมีส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นธุรกิจ นางโมโรจะยังคงประจำอยู่ที่เจนีวา ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

มาริโอ ไรส์ (Mario Reis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายอุปทานทั่วโลก – นายไรส์จะทำหน้าที่บริหารห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจรและได้รับการบูรณาการอย่างสมบูรณ์ของ Coty ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง การผลิต การเก็บสินค้าในโกดังและการจัดจำหน่าย สนับสนุนการเร่งการเติบโตอย่างมีกำไร รวมถึงการผลักดันความเป็นผู้นำด้านราคา ก่อนร่วมงานกับ Coty นายไรส์ทำงานให้กับ Danone เป็นเวลา 16 ปี โดยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลากหลายตำแหน่งใน Global Operations นายไรส์จะยังคงประจำอยู่ที่เจนีวา ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

จูลส์ คอฟแมน (Jules Kaufman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมายและเลขานุการ – นายคอฟแมนจะยังคงดูแลกิจการด้านกฎหมายทั่วโลกของ Coty ต่อไป อาทิ การเข้าซื้อกิจการและการถอนทุนบริษัท บรรษัทภิบาล การปฏิบัติตามข้อกำหนด การให้สิทธิ์และสิทธิบัตร และประเด็นเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับ เป็นต้น นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Coty ในปี 2008 นายคอฟแมนช่วยชี้นำการเติบโตของ Coty ผ่านการซื้อกิจการต่างๆมากมาย ตลอดจนการแปลงสภาพจากบริษัทเอกชนเป็นบริษัทมหาชน ก่อนหน้านี้ เขาดำรงตำแหน่งรองประธานและที่ปรึกษาทั่วไปประจำแผนกยุโรป/แปซิฟิกใต้ของ Colgate-Palmolive Company นายคอฟแมนจะย้ายจากนิวยอร์กไปประจำที่ลอนดอนภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

ราล์ฟ มัคคิโอ (Ralph Macchio) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ – นายมัคคิโอจะดูแลกิจกรรมทั้งหมดในส่วน Scientific and Global Regulatory & Consumer Affairs ของ Coty นายมัคคิโอร่วมงานกับ Coty มาตั้งแต่ปี 1992 และดำรงตำแหน่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) นายมัคคิโอจะยังคงประจำอยู่ที่มอร์ริส เพลนส์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

เซบาสเตียง ฟรัวเดอฟงด์ (Sebastien Froidefond) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล – นายฟรัวเดอฟงด์จะบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลทั้งหมดในองค์กร ประกอบด้วยการบริหารคนเก่ง การพัฒนาองค์กรและบุคคล การบริหารประสิทธิภาพการทำงาน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ รวมทั้งระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล ก่อนร่วมงานกับ Coty นายฟรัวเดอฟงด์เป็นรองประธานด้านทรัพยากรบุคคล แผนก Global Consumer Healthcare ของ Sanofi นายฟรัวเดอฟงด์จะย้ายจากปารีสไปประจำที่ลอนดอนภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมธุรกิจ

ฌอง มอร์ติเยร์ (Jean Mortier) จะเกษียณอายุจากตำแหน่งประธาน Global Markets ที่ Coty โดยเอ็ดการ์ ฮูเบอร์ จะเข้ารับตำแหน่งต่อและมีผลทันที นายฌองตกลงที่จะร่วมงานกับ Coty ต่อไปถึงเดือนมิถุนายน 2016 ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของซีอีโอ ฌองจะช่วยให้การโอนตำแหน่งไปยังเอ็ดการ์ ฮูเบอร์ เป็นไปอย่างราบรื่น รวมถึงช่วยส่งต่อความสัมพันธ์กับผู้ให้สิทธิ์ไปยังคามิลโล เพน และเอ็ดการ์ ฮูเบอร์ ช่วยเหลือในการถ่ายโอนสิทธิ์ของ P&G มายัง Coty ช่วยในเรื่องกระบวนการพิจารณาเพื่อป้องกันการทุ่มตลาด และช่วยปรับโครงสร้างกิจการร่วมทุนและความสัมพันธ์กับผู้จัดจำหน่าย Coty ขอแสดงความยกย่องและขอขอบคุณฌองที่มีส่วนร่วมมากมายในบริษัทและธุรกิจของ Coty และขอให้ฌองพบเจอแต่สิ่งดีๆในการดำเนินการใดๆในภายภาคหน้า

ทั้งนี้ คาดว่าการควบรวมธุรกิจกับ Specialty Beauty Business ของ P&G จะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2016 ตามที่มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ โดยจะขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล การปรึกษาหารือกับสภาแรงงาน และเงื่อนไขอื่นๆตามธรรมเนียม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข้อความบางข้อความในแถลงการณ์ฉบับนี้มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในปัจจุบันของ Coty ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมธุรกิจกับ P&G จนเสร็จสมบูรณ์ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหล่านี้โดยทั่วไปแล้วจะประกอบไปด้วยคำ หรือวลี เช่น “คาดหวัง” “คาดการณ์” “ควร” “น่าจะ” “อาจจะ” “ตั้งใจ” “มีแผน” “ประมาณการ” “หาทาง” “เชื่อ” “จะ” “โอกาส” “เป็นไปได้” และคำหรือวลีที่คล้ายกัน ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจจะแตกต่างออกออกไปอย่างมากจากผลที่คาดการณ์ไว้ อันเนื่องมาจากความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งรวมถึงความคลาดเคลื่อนจากข้อสมมติฐานของเราในการดำเนินธุรกรรม ความยุ่งยากอื่นๆในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการผนวกรวมธุรกิจ P&G Beauty Business เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Coty และความยุ่งยากอื่นๆในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินธุรกรรม ข้อความทั้งหมดในแถลงการณ์ฉบับนี้ ที่ไม่เกี่ยวกับข้อมูลในอดีตหรือเงื่อนไขปัจจุบัน ถือเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต เราตั้งใจให้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหล่านี้ได้รับความคุ้มครองตามข้อยกเว้นความรับผิด (safe harbor) สำหรับข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ ภายใต้กฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act of 1995 ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ซึ่งหลายข้ออยู่นอกเหนือการควบคุมของ Coty และอาจเป็นสาเหตุให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์ดังกล่าว

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกรรมกับ P&G รวมถึง แต่ไม่ได้จำกัดเพียง: ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาของการดำเนินธุรกรรม ความเสี่ยงการดำเนินธุรกรรมจะไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล หรือการอนุมัติอื่นๆ ตามที่กำหนด หรือได้รับการอนุมัติภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ได้คาดไว้ ซึ่งรวมถึงการได้รับความยินยอมจากผู้ออกใบอนุญาตบางราย การตอบโต้ทางการแข่งขัน การฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกรรม ความไม่แน่นอนของผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทที่ควบรวมกันภายหลังเสร็จสิ้นการดำเนินธุรกรรม ความสามารถของ Coty ในการประหยัดต้นทุนและผลประโยชน์เพิ่มเติม (synergy) ที่มุ่งหมายว่าจะได้รับจากการควบรวมธุรกิจภายในกรอบเวลาที่คาดไว้ ความสามารถของ Coty ในการผนวกรวมธุรกิจ P&G Beauty Business และ Coty และบุคลากรของบริษัทอย่างรวดเร็วและได้ผล ผลกระทบของการควบรวมธุรกิจของ Coty และ P&G Beauty Business ซึ่งรวมถึงสถานะการเงินในอนาคตของบริษัท ผลการดำเนินงาน กลยุทธ์และแผนการ และการดำเนินธุรกรรมที่หยุดชะงัก ซึ่งจะทำให้การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า พนักงาน และซัพพลายเออร์เป็นเรื่องยากมากขึ้น

ผู้อ่านไม่ควรตีความว่าการพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆล่วงหน้านั้นมีความละเอียดถี่ถ้วน และควรอ่านปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับข้อความเตือนอื่นๆที่มีการระบุถึงในเอกสารอื่น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เป็นไปได้ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินของ Coty ได้ถูกรวบรวมไว้ภายใต้หัวข้อ “Risk Factors” และ “Management’s Discussion and Analysis of Financial Condition and Results of Operations” ในรายงานประจำปีของ Coty บนแบบฟอร์ม Form 10-K สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2015 และรายงานประจำงวดอื่นๆ ที่ Coty ได้ยื่นและอาจยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งคราว ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตที่จัดทำขึ้นในแถลงการณ์ฉบับนี้ถือว่าเข้าข่ายข้อความที่ควรระวัง และไม่รับประกันว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงหรือเหตุการณ์ที่เราคาดหวังไว้จะเกิดขึ้นจริง หรือแม้เกิดขึ้นจริง ก็อาจจะมีผลกระทบต่อเรา ธุรกิจของเรา หรือการดำเนินงานของเราที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ ทั้งนี้ Coty ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ ไม่ว่าจะมีข้อมูลใหม่ หรือความเคลื่อนไหวอื่นใดเกิดขึ้นในอนาคต เว้นแต่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

เกี่ยวกับ Coty Inc.

Coty เป็นบริษัทความงามชั้นนำระดับโลกที่มีรายได้สุทธิ 4.4 พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2015 โคตี้ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปารีสในปี 1904 ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจความงามครบวงจรอย่างแท้จริง โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์น้ำหอม เครื่องสำอาง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเรือนร่าง ซึ่งเป็นที่รู้จักและวางจำหน่ายในกว่า 130 ประเทศและเขตแดนทั่วโลก Coty นำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ดังระดับโลกมากมาย เช่น adidas, Calvin Klein, Chloe, DAVIDOFF, Marc Jacobs, OPI, philosophy, Playboy, Rimmel และ Sally Hansen

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Coty Inc. กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.coty.com

รับชมข่าวต้นฉบับบนเว็บไซต์ businesswire.com ได้ที่ http://www.businesswire.com/news/home/20151103005607/en/

ติดต่อ:
Coty
นักลงทุนสัมพันธ์
Kevin Monaco, 212-389-6815
หรือ
สื่อมวลชนสัมพันธ์
Jessica Baltera, 212-389-7584