จากสาวต่างจังหวัดที่ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหนีการคลุมถุงชน และต้องการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง ปู “ธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์” กลับได้พบอีกหนึ่งพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่นั่นคือ “การถ่ายภาพ”
เธอจึงเลือกเป็น “ช่างภาพ” อาชีพที่พบได้ไม่บ่อยนักในสตรีเพศ เพราะสาเหตุใดเธอจึงตัดสินใจเช่นนั้น การมองภาพผ่านเลนส์มอบมุมมองให้กับชีวิตของเธออย่างไรบ้าง Sanook! Women จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสาวสวยครบรสคนนี้ เพื่อยืนยันว่าชีวิตของเธอเทียบเท่าภาพถ่ายหลากมิติอย่างแท้จริง
จากสาวต่างจังหวัดที่ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหนีการคลุมถุงชน และต้องการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง ปู “ธนันท์กาญจน์ สมทรัพย์” กลับได้พบอีกหนึ่งพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่นั่นคือ “การถ่ายภาพ”
เธอจึงเลือกเป็น “ช่างภาพ” อาชีพที่พบได้ไม่บ่อยนักในสตรีเพศ เพราะสาเหตุใดเธอจึงตัดสินใจเช่นนั้น การมองภาพผ่านเลนส์มอบมุมมองให้กับชีวิตของเธออย่างไรบ้าง Sanook! Women จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสาวสวยครบรสคนนี้ เพื่อยืนยันว่าชีวิตของเธอเทียบเท่าภาพถ่ายหลากมิติอย่างแท้จริง
แล้วคุณเข้ามาสู่การเป็นช่างภาพจริงๆ จังๆ ได้อย่างไร
ช่วงที่เรียนปริญญาเอก ปูไปประกวด Canon Girls ที่เปิดรับสมัครผู้หญิงที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพ ปรากฏว่าปูได้รับคัดเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์โปรโมทผู้หญิงถ่ายภาพให้กับทาง Canon เซ็นสัญญากับเขา 1 ปี เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพเรื่อยมา
เท่าที่ฟัง คุณไม่ได้เรียนด้านการถ่ายภาพมาโดยตรง คุณมั่นใจได้อย่างไร
ปูไม่เคยเรียนถ่ายภาพ แต่มันเริ่มตั้งแต่ตอนฝึกงาน ตอนนั้นฝึกงานด้านประชาสัมพันธ์ ปูเป็นคนถือไฟช่วยพี่ๆ ทีมงาน พี่เขาก็สอนว่ากล้อง DSLR ใช้ยังไง เราก็เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ พอมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้ทำงานกับ Canon ได้เข้าอบรมการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอ มันเหมือนเป็นการติดปีกให้กับปู ทำให้มีความมั่นใจทางการถ่ายภาพมากขึ้น ถ่ายภาพเป็น เวลาไปเที่ยวก็เริ่มเอากล้องไปถ่ายวิดีโอ ถ่ายแล้วเอามาตัดต่อ ประกอบกับสมัยเรียนเป็นคนชอบทำรายงาน โปรแกรมพวกนี้เลยสบายๆ สำหรับเรา
คุณมีวิธีการพัฒนาและฝึกฝนฝีมือของตัวเองอย่างไร
ปูชอบเข้าไปศึกษาวิธีการถ่ายภาพของช่างภาพระดับโลก เสิร์ชกูเกิลว่าตอนนี้ใครเป็นกูรูทางด้านนี้อยู่ ถ่ายยังไง แสงแบบไหน วิธีการยังไง แล้วสไตล์การถ่ายภาพเป็นสไตล์ไหน และอาศัยการฝึกฝนอยู่ตลอด งานที่ปูทำช่วงหลังๆ จะเกี่ยวกับการถ่ายภาพงานอีเว้นท์ และจะชอบศึกษาแนวทางการถ่ายภาพท่องเที่ยวแบบเอ็กซ์ตรีม
คุณเป็นช่างภาพผู้หญิง เวลาทำงานมีปัญหาและอุปสรรคบ้างไหม
ด้วยความที่ปูเรียนเกี่ยวกับการตลาดมา เวลาเราเสนองานลูกค้า เราจะเสนอไปร้อย แต่เวลาทำเราจะทำสองร้อยเลยค่ะ เวลาทำงานเลยไม่มีอุปสรรคเท่าไร เพราะทุกอย่างมีการกำหนดตายตัวอยู่แล้วตามที่ลูกค้าต้องการ เขาจะได้ภาพสดจากเรา ถ่ายปุ๊บส่งให้ได้ทันที ตั้งแต่ถ่ายภาพมาไม่เคยมีปัญหากับลูกค้าเลย บางทีแถมภาพเคลื่อนไหวให้ด้วย ส่วนใหญ่ลูกค้าจะพอใจค่ะ
แล้วการทำงานร่วมกับช่างภาพผู้ชายมีปัญหาหรือข้อจำกัดอะไรบ้างไหม
ถ้าเป็นคนที่อายุมากกว่าเขาจะเป็นในแง่ของอาจารย์ จะสอบถามและขอความรู้จากเขา ถ้าอายุน้อยกว่าจะเป็นในเชิงแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ จึงไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานร่วมกัน
การถ่ายภาพแบบไหนที่อยากทำมากที่สุด
ปูอยากทำรายการท่องเที่ยวค่ะ แต่อยากทำแนวเอ็กซ์ตรีมสุดขั้ว เช่นป่าอเมซอน เทือกเขาเอเวอเรสต์ ที่คนธรรมดาไม่ไปกัน ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ คือปูอยากเก็บโมเมนท์ให้มากที่สุด เพราะว่า “กล้องคือเครื่องมือเดียวที่ทำให้เราหยุดเวลาได้” อยากไปเก็บภาพตรงนั้น แต่การทำรายการท่องเที่ยวแบบนั้นต้องใช้งบประมาณสูง อุปกรณ์ก็ต้องซัพพอร์ทด้วย ไม่รู้ฝันจะอีกไกลไหม
คือปูเป็นคนค่อนข้างลุยๆ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ไปคนเดียว กระเป๋า 3 ใบ กล้อง 2 ตัว สะพายเที่ยวไปเรื่อยๆ มันเป็นอิสระ “มนุษย์เราเกิดมาครั้งเดียว ถ้าไม่สุดๆ ไปเลย ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว” กล้องทำให้เราสามารถถ่ายทอดได้ทุกอย่าง สมัยนี้โลกอินเทอร์เน็ตยิ่งสามารถทำให้มันเป็นเรียลไทม์ ทุกคนสามารถทราบได้ว่าตอนนี้ปูอยู่ที่ไหน
นอกจากชอบถ่ายภาพแล้ว ยังเป็นนางแบบด้วย
ใช่ค่ะ ปูชอบการถ่ายภาพแบบสไตล์พี่ธาดา วาริช เป็นช่างภาพแฟชั่นแนวเซ็กซี่ที่เนื้อหอมที่สุดแห่งยุค เป็นช่างภาพระดับประเทศก็ว่าได้ จะเป็นภาพแนว Mood & Tone คือบางรูปมันไม่ต้องชัดก็ได้ แต่ขอให้มีอารมณ์อยู่ในภาพ ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพของปู คือการเป็นนางแบบแล้วช่างภาพถ่ายภาพไม่ได้ดั่งใจ พอเราเป็นช่างภาพเอง เราก็ถ่ายทุกคนออกไปในแนวนี้ แล้วทุกคนก็ชอบ เพราะการถ่ายภาพสไตล์ Mood & Tone มันจะช่วยปิดบังมุมไม่สวยของแต่ละคน ดังนั้นช่างภาพจะมองเห็นเสน่ห์ของแต่ละคน แล้วก็ถ่ายตรงที่เป็นเสน่ห์ออกมาให้เห็น
เห็นว่าคุณเป็นครูสอนการแสดงด้วย
จุดเริ่มต้นคือปูไปออกรายการ Take Me Out Thailand ทางช่อง 3 หลังจากนั้นเริ่มมีคนติดต่อเข้ามา เริ่มเข้าวงการแสดง แล้วมีความรู้สึกว่า เราไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ทำแค่กิจกรรม ก็เลยไปเรียนการแสดงกับครูบดินทร์ ดุ๊ก และครูจุ๋ม ภัทราวดี บวกกับเราได้ออกกองละครบ่อย ทำให้รู้ว่าควรทำอะไรบ้าง สถาบันโตเร็ว สตาร์คลับ ที่เปิดขึ้นมา ปูไม่ได้สอนแค่การแสดงอย่างเดียว
สอนเรื่องการอยู่ในวงการด้วย จริงๆ แล้วคนเก่งไม่ใช่คนที่จะอยู่รอดในวงการ แต่ต้องเป็นคนที่วางตัวเป็น เพราะถ้าวางตัวไม่เป็นต่อให้คุณเก่งแค่ไหนผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าเอามันมาแค่ครั้งเดียว “เรียนการแสดงเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องจริยธรรมมันไม่ได้เรียนกันง่ายๆ”
คุณกำลังเรียนต่อดอกเตอร์อยู่ด้วย ตอนนี้เรื่องการเรียนไปถึงไหนแล้วคะ แล้วแบ่งเวลาอย่างไร
ตอนนี้ปูเหลือทำวิทยานิพนธ์ที่จะส่งอาจารย์ 4-5 บท ยังไม่ได้แตะเลยค่ะ ทำแต่งาน หลายคนถามว่าจะจบไหม ยังไงก็ต้องจบ แต่จะจบเมื่อพร้อม จริงๆ ถ้าทำอาทิตย์นึงก็น่าจะเสร็จ แต่ไม่มีเวลาทำเลย ตอนนี้ทำงาน 7 วัน 5 วันทำงานออฟฟิศ อีก 2 วันสอนเด็ก หรือมีงานอีเว้นท์ จริงๆ เวลาหยุดของปูก็เหมือนวันทำงาน ชอบเสิร์ชหาข้อมูลตลอด
เส้นทางชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สิ้นสุดอยู่เพียงแค่การกดชัตเตอร์ เพราะตลอดระยะเวลาที่ได้พูดคุยกับเธอ เธอเป็นผู้หญิงเก่งที่ไม่เคยละทิ้งและปล่อยให้โอกาสหลุดลอย วันนี้เธอจึงเป็นสาวสวยที่มีชีวิตหลายด้าน ซึ่งล้วนเป็นด้านที่เธอเลือกและมีความสุขกับการลงมือทำ
ที่มาจาก http://women.sanook.com/39645/