นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวเปิดเผยว่า ผลประกอบการ งวด 9 เดือน ปี 60 ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องโดยมีรายได้รวม 2,639.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 782.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.13 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,857.03 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 821.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 342.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 478.20 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,064.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 738.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 348.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 210.25 ล้านบาท
โดยผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของทุกแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า ประกอบกับบริษัทได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายครบทุกช่องทาง จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทาง E-Commerce มียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 112% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 4.30% ของรายได้รวม และช่องทางต่างประเทศได้มีการขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศ CLMV และเอเชียต่อเนื่อง มียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 216% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 13.42 % ของรายได้รวม และยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sales Growth ) มีอัตราการเติบโต 18.57 %
ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาในประเทศทั้งสิ้น 340 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 258 สาขา BEAUTY COTTAGE 73 สาขา BEAUTY MARKET 9 สาขา อีกทั้งยังมีจุดขาย ณ คิง พาวเวอร์ 8 สาขา 22 จุดจำหน่าย และวางจำหน่ายสินค้าผ่านร้าน 7-ELEVEN จำนวน 950 สาขา
ส่วนตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันจำนวนสาขาที่เป็น Independent shop มีทั้งสิ้น 19 สาขา โดยอยู่ในประเทศเวียดนาม16 สาขา และในประเทศฟิลิปปินส์ 3 สาขา โดยล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมาได้เปิดสาขา 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ Uptown Mall และมีแผนขยายสาขาในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 4สาขา และมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบของ non-exclusive distributor ใน 3 ประเทศ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในพม่าเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในลาวและกัมพูชาอยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2561 ส่วนสาขาที่เป็น รูปแบบ Shop in shop ปัจจุบันมีอยู่ใน 3 ประเทศ รวม 131 สาขา ประกอบด้วย ฮ่องกง 93 สาขา อินโดนีเซีย 19 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา ซึ่งทุกแห่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้น่าจะคึกคักและยังคงเติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุน มติครม.ออกมาตรการช็อปช่วยชาติ 11 พ.ย.-3 ธ.ค.60 วงเงิน 15,000 บาท นำไปลดหย่อนภาษี กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศและบริษัทมีกลยุทธ์ขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบ ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ การออกโปรโมชั่นต่างๆ จัดกิจกรรมกับลูกค้าสมาชิก เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทั้งนี้มั่นใจว่ารายได้รวมปี 2560 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ไม่ต่ำกว่า 3,100 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20%