Aruba จัดงาน Aruba AXperience Day เปิดตัวโซลูชั่นล่าสุดของ Aruba ที่รองรับ Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax เพื่อร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายที่ล้ำเลิศ ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งด้านแบนด์วิธ ความเร็ว และ ปริมาณอุปกรณ์ และ ด้วยคุณสมบัติของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้การปรับแต่งเครือข่ายเป็นไปโดยอัตโนมัติ และ ให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ AI ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อรองรับจำนวนอุปกรณ์พกพาและ IoT ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ Aruba ในด้าน Data Science ที่โดดเด่น ผ่านการทุ่มเทอย่างยาวนาน และ ฐานความรู้จากลูกค้าหลายพันรายทั่วโลกที่เชื่อมั่นและติดตั้ง access points ของ Aruba ไปกว่าล้านชุด ทำให้ Solution จาก Aruba ผสานโลกดิจิทัลกับโลกทางกายภาพให้กลมกลืนกันมากขึ้น และ สร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้และการให้บริการที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้งานทุกคน
คุณประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ อรูบ้า หนึ่งใน บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด กล่าวเปิดงานในหัวข้อ Experience the Edge ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ และ มีเพียงในผลิตภัณฑ์ของ Aruba เท่านั้น ซึ่งสามารถตอบสนองต่อ Technology Disruption และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย Aruba ตอบโจทย์มากกว่าการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แต่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีเลิศ ทำให้โลกดิจิทัลกับโลกทางกายภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น ด้วยแนวทาง AXperience หรือการบริการเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี 802.11ax หรือ Wi-Fi 6 ล้ำยุค ทำให้มีแบนด์วิธสูงขึ้น รองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น และให้บริการได้หลากหลายขึ้น นำมาซึ่งการให้บริการแบบอัจฉริยะ (smart) ในพื้นที่ต่างๆ เช่นห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา สถานศึกษา โรงพยาบาล โรงแรม และในอีกหลาย ๆ สถานที่ ไม่เพียงแต่ให้บริการเครือข่ายที่ดีขึ้นแต่ยังทำให้เครือข่ายสามารถรู้จักอุปกรณ์ และ Application ของผู้ใช้ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทั้งแบบกลุ่ม และ รายบุคคล
ล่าสุดด้วยโซลูชั่นของ Aruba สามารถทำลายสถิติการให้การบริการ Wi-Fi ในงาน Super Bowl ครั้งที่ 53 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้สูงถึง 24 Terabytes นับว่าเป็นการให้บริการข้อมูลบนเครือข่าย Wi-Fi ที่สูงที่สุดในสหรัฐ ฯ หรืออาจจะในโลกขณะนี้
Aruba ยังก้าวล้ำไปกว่าการให้บริการเครือข่ายไปสู่การให้บริการแพลทฟอร์มด้วยการเป็น AXperience platform โดยการใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้การดูแลเครือข่ายที่มีผู้ใช้และอุปกรณ์จำนวนมากเป็นระบบอัตโนมัติและสร้างหลักประกันการบริการให้ต่อเนื่อง ด้วยการมีโซลูชั่น AirWave และ Central ดูแลการทำงานของเครือข่าย โซลูชั่น ClearPass และ IntroSpect ดูแลด้านความปลอดภัยและพฤติกรรมผิดปกติของผู้ใช้งาน ทำให้เป็นระบบเครือข่ายที่ทำงานเสถียรมาก ตลอด 24 x 7 ใน 365 วัน ทั้งยังมีโซลูชั่นจาก User Experience Insight (UEI) มาช่วยทดสอบประสิทธิภาพของเครือข่ายเสมือนเป็นผู้ใช้คนหนึ่งเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุและแก้ปัญหาก่อนล่วงหน้าและ Meridian มาช่วยเก็บข้อมูลเพื่อให้บริการ Location-based service รวมทั้งยังสามารถทำงานประสานกันเหมือนวงออร์เคสตรากับบริการของผู้ให้บริการอื่น ๆ จึงเป็น Open-multi vendor Edge Software platform ที่จะสามารถให้บริการได้หลากหลายและรองรับอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ของผู้ใช้และอุปกรณ์ IoT และเซ็นเซอร์ทั้งหลายที่มีการใช้มากขึ้นในธุรกิจและชีวิตประจำวัน
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รองรับ 802.11ax สำหรับสร้างสรรค์ AXperience platform ซึ่ง Aruba ประกาศเปิดตัวในงานนี้ได้แก่
Access Point รุ่น 514 และ 515 , กลุ่มผลิตภัณฑ์ Access Points ใหม่สำหรับเครือข่ายไร้สายรองรับเทคโนโลยี 802.11ax, IoT-ready พร้อมด้วยความปลอดภัยขั้นสูง การเพิ่มประสิทธิภาพ RF โดยใช้พลังเสริมของปัญญาประดิษฐ์ (AI-powered) การตรวจสอบและดูแลการใช้พลังงานอย่างอัจฉริยะ สามารถต่อเชื่อมสัญญาณวิทยุแบบ Zigbee และ Bluetooth 5 ได้อย่างบูรณาการเพื่อรองรับอุปกรณ์ IoT ทั้งยังรองรับมาตรฐาน Wi-Fi Alliance WPA3 และ Opportunistic Wireless Encryption เพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย Aruba ยังเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ได้รับใบรับรอง Wi-Fi Alliance สำหรับมาตรฐานใหม่นี้
Aruba 2930M access switches รองรับมาตรฐาน 802.3bt ที่ให้กำลังไฟฟ้าแก่ PoE สูงขึ้น (จนถึง 60 วัตต์ต่อพอร์ต) ซึ่งเป็นไปตามความต้องการสำหรับ 802.11ax APs ระดับไฮเอนด์
Aruba NetInsight จะใช้เทคโนโลยี machine learning เพื่อดูแลระบบเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกในกรณีเกิดความผิดปกติ และให้ข้อแนะนำที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบเครือข่าย ทำให้การดูแลระบบเป็นแบบอัตโนมัติและสร้างหลักประกันการบริการให้ต่อเนื่อง
โซลูชัน AI ที่มีประสิทธิภาพเกิดจากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อป้อนอัลกอริทึมที่จะทำให้ระบบเครือข่ายทำงานได้โดยอัตโนมัติและสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการ และต้องมีการนำประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงมาใช้ตรวจสอบประสิทธิภาพของโซลูชันได้ด้วย Aruba มีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ อันได้แก่ความชำนาญด้าน Wi-Fi มามากกว่า 16 ปี พร้อมกับตัวอย่างจากประสบการณ์การเรียนรู้ (learnings) และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (best practices) ในการสร้าง AI Algorithms จากระบบเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลกและจากจำนวน APs ที่ติดตั้งมาแล้วนับล้านชุดเพื่อให้การดำเนินงานเครือข่ายเป็นไปอย่างปลอดภัยและเป็นไปโดยอัตโนมัติ
คุณ Surachai Chaiyarangkitrat , System Engineer Manager ของ Aruba นำเสนอในหัวข้อ Smart Network Platform ได้ชี้ให้เห็นแนวโน้มการให้บริการ Wi-Fi ในปัจจุบัน และ อนาคตซึ่งได้แก่ จำนวนอุปกรณ์ของผู้ใช้และอุปกรณ์ให้บริการเครือข่ายล้วนเพิ่มขึ้นมาก ความต้องการใช้แบนด์วิธของแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ นั้นมีหลากหลาย การใช้พลังงานหรือกินไฟในแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นในอุปกรณ์ และความต้องการให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นทั้งในและนอกอาคาร แนวโน้มทั้ง 4 ประการนี้ตอบสนองได้ด้วยการใช้เทคโนโลยี 802.11ax ที่สามารถรองรับผู้ใช้ได้มากขึ้น และรองรับการให้บริการได้ทุกขนาดของแพ็กเก็ตข้อมูล ด้วยการเสริมของเทคโนโลยี OFDMA ทำให้แพ็กเก็ตเล็กส่งเร็วขึ้นได้พร้อมกันถึง 9 Client ต่อช่วงความถึ่ ณ.ปัจจุบัน และเทคโนโลยี MU-MIMO ทำให้การส่งข้อมูลทั้ง Upstream และ Down Stream ทำได้ถึง 8 อุปกรณ์พร้อมกัน และ BSS Colour ที่ทำให้ APs และ clients สามารถส่งข้อมูลได้แม้ช่องสัญญาณยังไม่ว่าง ซึ่งล้วนอยู่ในคุณสมบัติของ APs รุ่น 514 และ 515 ของ Aruba
ในด้านความปลอดภัย APs ทั้ง 2 รุ่นนี้ล้ำหน้าคู่แข่งด้วยการรองรับมาตรฐาน WPA3 ซึ่งจะทำให้เครือข่าย Wi-Fi ในส่วนที่ไม่เคยเข้ารหัสจะถูกเข้ารหัสทั้งหมด และ เครือข่ายที่เคยเข้ารหัสอยู่แล้วมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี AppRF ทำให้รู้ว่าผู้ใช้ใช้แอพพลิเคชั่นอะไรอยู่ และ กำหนดระดับการให้บริการสำหรับ App นั้นๆ เช่น ระดับความสำคัญ และ แบนด์วิธ เป็นต้น
AP ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังรองรับ Zigbee และ Bluetooth 5 เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ IoT ได้อีกด้วย นอกจากแบนด์วิธที่สูงขึ้นของ 802.11ax ถึง 5.4 Gbps แล้ว ถ้าต้องการรองรับการใช้งานเพิ่มขึ้นสามารถนำ APs มาทำ cluster กันโดยไม่ต้องมี Controller แยกต่างหากได้ หรือ สามารถบริหารจัดการ AP ด้วย Controller ได้มากถึง 10,000 AP ต่อ Cluster ทำให้รองรับ clients ได้มากขึ้น
คุณ Kwong Hui Tan, Regional Category Manager และคุณอนุสิษฐ์ รัชฎาเลิศณรงค์, Product Manager ของ Aruba นำเสนอ NetInsight เป็นโซลูชั่นที่ใช้พลัง AI ช่วยทำหน้าที่เก็บและวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกในกรณีเกิดความผิดปกติ และให้ข้อแนะนำที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบเครือข่าย ทำให้การดูแลระบบเป็นแบบอัตโนมัติและสร้างหลักประกันการบริการให้ต่อเนื่อง และ อุปกรณ์ Wi-Fi Sensor (User Experience Insight: UEI) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับติดตั้งภายในพื้นที่ให้บริการ Wi-Fi เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการให้บริการ และ แสดงรายงานในแบบที่เข้าใจได้ง่ายตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์ของเหล่าธุรกิจที่ต้องการให้สัญญาณ Wi-Fi และ การให้บริการ Internet มีคุณภาพดีอยู่เสมอ เช่น สนามกีฬา โรงแรม โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย สนามบิน และ พื้นที่อื่นๆ ทำให้ผู้ที่มีระบบ Wi-Fi ขนาดใหญ่ตระหนักถึงปัญหาการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นในทุกบริเวณได้แบบเรียลไทม์ และ สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
คุณ Krtsada Chinhataiwat , System Engineer นำเสนอในหัวข้อ Securing & protection Investment from The inside โดย Aruba 360 Secure Fabric ชุดผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่เป็นเฟรมเวิร์กให้องค์กรต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ตรวจจับการโจมตีที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลาโดยอรูบ้าเป็นผู้สรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี User and Entity Behavioral Analytics (UEBA) ด้วยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Aruba IntroSpect ทำให้สามารถตรวจจับการโจมตีจากภายในไปยังเป้าหมายจำเพาะเจาะจง (Insider and Targeted Attack) ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป (Traditional) ไม่สามารถทำได้โดยใช้วิธีการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในระบบเครือข่ายและวิเคราะห์เปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่ผ่านมา หรือ เทียบกับผู้ใช้งานอื่นในกลุ่มเดียวกันด้วยเอนจิ้นแบบ machine-learning และ Big Data Analytic
และ เมื่อทำงานร่วมกับ Aruba ClearPass ซึ่งเป็นโซลูชั่นในการกำหนดนโยบายและควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่าย (NAC) ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง โดยเริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้แก่ อุปกรณ์ Client เช่น BYOD และ IoT กำหนดนโยบายการใช้งาน และสุดท้ายทำการโต้ตอบการโจมตีโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ ClearPass ยังสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ ในระบบเครือข่ายได้มากกว่า 300 แบรนด์
อุปกรณ์ในโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือข่ายทุกผลิตภัณฑ์จาก Aruba ล้วนมีความสามารถด้านการรักษาความปลอดภั้ย (Aruba Secure Core) ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสูงในการป้องกันระบบเครือข่ายทุกระบบ ประกอบด้วย secure boot , embedded firewall , centralized encryption , deep packet inspection และ intrusion prevention การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยลดอันตรายจาก physical tempering ขณะเดียวกันก็ทำการป้องกันและตรวจสอบการจราจรบนระบบเครือข่าย
การนำ Aruba IntroSpect UEBA และ Araba ClearPass เชื่อมเข้ากับ Aruba Secure Core ทำให้สามารถสร้างการป้องกันที่ต่อเนื่องตั้งแต่การค้นหาอุปกรณ์และการตรวจจับการเข้าถึงและทำการตอบโต้ ช่วยให้ลูกค้าของ Aruba มีความสามารถที่โดดเด่นในการตรวจจับการโจมตีและทำการตอบโต้โดยอัตโนมัติหรือวิเคราะห์หาแนวทางในการป้องกันทรัพย์สินที่มีคุณค่าขององค์กร หรือแม้แต่การกักหรือทำการขึ้นบัญชีดำผู้ใช้และอุปกรณ์ที่เป็นภัยคุกตาม
คุณ Keng Tong Wee, Regional System Engineer Manager และ คุณ Surachai Chaiyarangkitrat ของ Aruba กล่าวถึงสถาปัตยกรรม Mobile-First Architecture ของ Aruba ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการออกแบบระบบที่มีความปลอดภัย เรียบง่าย และทำงานได้โดยอัตโนมัติ (Secure , Simple and Autonomous) เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็วในการชิงความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ และ ยังคงความปลอดภัยระดับสูงเมื่อต้องขยายตัว เช่นการนำอุปกรณ์ IoT จำนวนมากเข้ามาใช้งานในระบบ และ ประหยัดเนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายปี ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่ใช้การสื่อสารแบบปิด (Proprietary) ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่างยี่ห้อได้ มีวิธีการทำงานที่สลับซับซ้อน และ ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายปี การนำสถาปัตยกรรม Aruba Mobile First Architecture (MFA) มาใช้จะได้ประโยชน์ในเรื่องของการมีมาตรฐานเปิด ความเรียบง่ายของระบบ สามารถนำมาปรับใช้จริงอย่างรวดเร็ว ไม่กระทบการทำงานของผู้ใช้ มีความปลอดภัยสูงตอบโต้การโจมตีได้ทันควัน ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้ธุรกิจแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยทั่วไปการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลมักจะนำมาซึ่งความปลอดภัยที่ลดลง แต่ Aruba MFA กลับทำให้การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลและความปลอดภัยไปพร้อมกันได้
ปิดท้ายด้วยการกล่าวสรุปของคุณประคุณ ได้เน้นใน 4 เรื่องได้แก่
Aruba APs รุ่น 514 และ 515 กับ 2930M access switch รองรับ 802.11ax (Wi-Fi 6) เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญจะมาช่วยสนับสนุนการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่าง ๆ จำนวนมหาศาลที่ต้องการความเร็วและแบนด์วิธที่หลากหลาย ทำให้อุปกรณ์ทั้ง low และ High speed อยู่ร่วมเครือข่ายเดียวกันได้
Aruba เป็นโซลูชั่นที่ใช้พลังของ AI จึงเหนือกว่าคู่แข่ง เช่น การทำงานของ machine learning ใน Aruba NetInsight เพื่อปรับตั้งการทำงานของเครือข่ายโดยอัตโนมัติให้ได้ประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุดตลอดเวลา และ Aruba User Experience Insight (UEI) ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานเครือข่ายได้ตลอดเวลา
Aruba 360 Secure Fabric เป็นโซลูชั่นป้องกันความปลอดภัยที่รวมเอา ClearPass และ IntroSpec ซึ่งทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้จำนวนมากที่อาจเป็นอันตรายกับระบบ อุดช่องโหว่และตอบโต้ภัยคุกคามจากภายใน ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ไอที และ สถาปัตยกรรม Aruba Mobile-First ทำให้สามารถระบบเครือข่ายสามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร
นอกจากนั้นยังมีบูธอีก 3 บูธซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องทำการสาธิตและอธิบายการใช้งานจริงของ AI-Powered Mobile Innovation , 360 of analytics driven active cyber protection และ User and Entity Behavior Analytics (UEBA) ให้เห็นภาพความสมจริงมากขึ้น และปิดท้ายงานอย่างรื่นเริงในตอนเย็นหลังจากการอัพเดทเทคโนโลยีกันมาอย่างหนักหน่วงด้วยเสียงเพลงเย็น ๆ ใน Mini Concert ของ Stamp Apiwat พร้อมอาหารและเครื่องดื่มยามเย็นสำหรับผู้ร่วมงานในวันนี้กว่า 300 ท่าน