BEM แจ้งเกิดขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจคมนาคมไทย ปีหน้าโตก้าวกระโดด พร้อมเทรด 5 ม.ค. 59 นี้

0
200
image_pdfimage_printPrint

BECL-logo

ผู้ถือหุ้น BECL และ BMCL เห็นชอบการจัดตั้ง BEM หลังรอคอยมาเกือบ 1 ปี มั่นใจ BEM ขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจคมนาคมของไทย ทั้งระบบราง และถนน พร้อมลุยตลาดอาเซี่ยน รับปีทอง 2559 เปิดสายสีม่วงและทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ พร้อมเทรด 5 ม.ค. 59 นี้

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) และบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) เปิดเผยว่า ในวันนี้ 28 ธ.ค. 58 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นร่วมระหว่าง BECL และ BMCL มีมติเห็นชอบเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับบริษัทใหม่ที่จะเกิดจากการควบและให้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ ในนามบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ด้วยทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 15,285ล้านบาท โดยจะจดทะเบียนในวันที่30 ธ.ค. 2558 และหุ้น BEM จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ม.ค. 2559 นี้ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน กองทุน นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ที่ให้การสนับสนุนการควบรวมครั้งนี้อย่างดีจนประสบความสำเร็จ ทำให้บัดนี้ BEM เกิดขึ้นได้อย่างเป็นทางการแล้ว ถือเป็นการแจ้งเกิดบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพและความพร้อมในทุกๆด้าน ที่จะเป็นผู้นำธุรกิจคมนาคมของประเทศไทยที่ให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมเป็นอย่างมาก

“ที่ผ่านมาทั้ง BECL และ BMCL ถือเป็นผู้นำในธุรกิจของตนอยู่แล้วคือระบบทางด่วน และระบบรถไฟฟ้า BECL มีสัมปทานระบบทางด่วนที่รับผิดชอบอยู่ระยะทางกว่า 88 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเมืองและปริมณฑลได้แก่ โครงการทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ส่วนเอ (พระราม 9-รัชดาภิเษก) ส่วนบี (พญาไท-บางโคล่) ส่วนซี (รัชดาภิเษก-แจ้งวัฒนะ) ส่วนดี (พระราม 9-ศรีนครินทร์) โครงการทางพิเศษอุดรรัถยา ระยะที่ 1 (แจ้งวัฒนะ-เชียงราก) และระยะที่ 2 (เชียงราก-บางไทร) และโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก(หมอชิต-ฝั่งธนฯ) ส่วน BMCLมีสัมปทานระบบรถไฟฟ้าสายสำคัญในเมืองคือสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) และสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน และที่อยู่ระหว่างรอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบคือสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ เมื่อควบรวมกันแล้วสัมปทานทั้งหมดจะโอนไปเป็นของ BEM รวมทั้งรายได้ ทรัพย์สิน หนี้สิน และความรับผิดชอบทั้งหมดด้วย”

นายปลิวกล่าวเสริมว่า BEM จะมีความแข็งแกร่ง ศักยภาพ และความพร้อมทั้งด้านการเงิน บุคลากร การให้บริการ มากกว่า BECL และ BMCL อย่างชัดเจน ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีการเติบโต และแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน โดยแผนธุรกิจของBEM จะมีธุรกิจหลัก 3 ประเภท คือ 1) ระบบราง (Rail Business) ได้แก่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Mass Transit) ระบบรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) ระบบรถไฟทางคู่ (Double Tracked Train) 2) ระบบถนน (Road Business) ได้แก่ระบบทางด่วน (Expressway) ทางพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) 3) การพัฒนาเชิงพาณิชย์ (Commercial Development) ได้แก่การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ โฆษณา ระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วนรายได้ในช่วงแรกของทางด่วนจะมากกว่ารถไฟฟ้าอยู่บ้าง หลังจากนั้นรายได้จากรถไฟฟ้าจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่าทางด่วนหลังปี2560ไปแล้ว ส่วนธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตั้งเป้าว่าจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10-15%

“ปี 2559จะเป็นปีทองของ BEM เพราะจะเปิดให้บริการโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ระยะทาง 17 กิโลเมตร ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ระยะทาง 22 กิโลเมตร ในเดือนสิงหาคม2559 ทั้ง 2 สัญญาเปิดให้บริการแก่ประชาชนก่อนกำหนดในสัญญา ทำให้ BEM มีรายได้และกำไรเร็วขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลังของปี2559 ส่วนกลยุทธ์ธุรกิจด้านอื่นๆของ BEM ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ทั้งการเข้าแข่งขันประมูลในโครงการระบบคมนาคมของประเทศไทยในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ-เอกชน (PPP) ที่รัฐบาลกำลังเร่งรัด ทั้งรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เช่นสายสีส้ม สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีน้ำเงินและม่วงต่อขยาย Airport Link ส่วนต่อขยาย รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงเส้นทางต่างๆ ระบบทางด่วนและMotorway การเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน BEM จะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดในมือสูงมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำลง หลังควบรวมจะมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 1.3 เท่าทำให้สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินมาลงทุนได้อีกมาก มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ส่วนด้านบุคลากรเรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วสามารถขยายตัวเพื่อรองรับงานในอนาคตได้ทันที โดย BEM จะขยายธุรกิจไปสู่ตลาดในระดับอาเซี่ยนด้วย”

ปัจจุบันหุ้น BECL และ BMCL ได้หยุดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งแต่ 21 ธ.ค. 58 โดยหุ้นทั้ง2 บริษัทจะเปลี่ยนเป็นหุ้น BEM ในอัตรา 1 หุ้น BECL ต่อ 8.65537841 หุ้น BEM และในอัตรา 1 หุ้น BMCL ต่อ 0.42050530หุ้น BEM BEM ถือเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) และหุ้นปันผล (Dividend Stock) ในบริษัทเดียวกัน ล่าสุดได้รับการคัดเลือกเข้ารวมคำนวณในดัชนี MSCI Global Index แล้วและมีโอกาสสูงที่เข้าไปซื้อขายในดัชนี SET 50 ทำให้เป็นที่สนใจของกองทุนและนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศเป็นอย่างมาก

………………………………………………………