สุดยอดดรัมไลน์-คัลเลอร์การ์ด ร่วมแข่งชิงถ้วยพระราชทานฯ

0
310
image_pdfimage_printPrint

DSC_0882rrrr

กรมพลศึกษา เดินหน้าจัดประกวดวงดรัมไลน์ ชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งที่ 11 และการประกวดคัลเลอร์การ์ด ประจำปี 2558 วันที่ 21 – 23 ส.ค. 2558 ณ อาคารชาญชัย อะเคเดี้ยม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ให้เด็ก เยาวชนและประชาชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีเวทีการประกวดเพื่อพัฒนาฝีมือด้านดนตรีสู่มาตรฐานสากล สร้างความสุขให้ประชาชนเข้าชมฟรี
ดร.ปัญญา หาญลำยวง ผู้อำนวยการสำนักนันทนาการ กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่า การจัดการประกวดวงดรัมไลน์ชิงถ้วยพระราชทานฯมาตั้งแต่ปี 2548 และประกวดคัลเลอร์การ์ดมาตั้งแต่ปี 2553 โดยจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ในปีนี้เป็นการจัดประกวดวงดรัมไลน์ ชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งที่ 11 ส่วนการประกวดคัลเลอร์การ์ด เป็นครั้งที่6 โดยวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสร้างความสุขแก่ประชาชน นอกจากสนับสนุนการออกกำลังกายและกีฬาแล้ว ยังสนับสนุนด้านดนตรีด้วยเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ปลูกฝังความสามัคคี มีระเบียบวินัย พัฒนานักเรียนและนักศึกษาที่มีความรู้ด้านดนตรีสู่มาตรฐานสากล เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ และเยาวชนได้มีของการประกวดเพื่อให้มีกำลังใจพัฒนาฝีมือต่อไป ในขณะที่ประชาชนสามารถเข้าชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
ทั้งนี้การแข่งขันประจำปี 2558 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2558 ณ อาคารชาญชัย อะเคเดี้ยม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีวงดรัมไลน์เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวน 109 วง และทีมคัลเลอร์การ์ด จำนวน 11 ทีมจากทั่วประเทศ
การประกวดดรัมไลน์ แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภท Senior Division ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งประกอบด้วยนักดนตรี และผู้แสดงประกอบ อายุไม่เกิน 19 ปี จำนวนไม่เกิน 65 คน
ประเภท Junior Division ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งประกอบด้วยนักดนตรี และผู้แสดงประกอบ อายุไม่เกิน 16 ปี จำนวนไม่เกิน 55 คน
ประเภท Independent Open World Division ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งไม่จำกัดอายุ และจำนวนของนักดนตรีและผู้แสดงประกอบ เป็นการเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมประกวดได้
ประเภท Basic Division ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งประกอบด้วยนักดนตรี อายุไม่เกิน 16 ปี จำนวนไม่เกิน 30 คน
ประเภท Individual & Ensemble ถ้วยเกียรติยศกรมพลศึกษา ซึ่งแบ่งการประกวดเป็น 6 รูปแบบ คือ (5.1) Snare Drum Solo (5.2) Tenor Drum Solo (5.3) Keyboard Percussion Solo (5.4) Drum Set Solo (5.5) Bass Drum Ensemble และ(5.6) Percussion Ensemble โดยการแข่งขันประกอบด้วยนักดนตรี จำนวน 1 คน ในรูปแบบ Solo และจำนวนมากกว่า 1 คน ในรูปแบบ Ensemble และไม่จำกัดอายุของนักดนตรีโชว์การประชันของ 2 ทีมดรัมไลน์
สำหรับการประกวดคัลเลอร์การ์ด แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ประเภท Junior Division ชิงถ้วยเกียรติยศกรมพลศึกษา ซึ่งประกอบด้วยผู้แสดงอายุไม่เกิน 16 ปี
ประเภท Open Division ชิงถ้วยเกียรติยศกรมพลศึกษา ซึ่งไม่จำกัดอายุของผู้แสดง โดยการแข่งขันทั้ง 2 ประเภทมีจำนวนผู้แสดง 5-30 คน
พิธีเปิดการแข่งขันมีในวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2558 เวลา 16.30 น. และมีพิธีปิดการประกวดฯในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2558 เวลา 15.40 น. โดยรองอธิบดี กรมพลศึกษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพลศึกษา (ดร.กิตติพงษ์ โพธิมู) เป็นประธานในพิธี
กำหนดการประกวดมีดังนี้คือวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2558 เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป โดยเป็นการประกวดวงดรัมไลน์รอบคัดเลือก ประเภท Basic Division / Junior Division / Independent Open World Division และ Senior Division
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2558 เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป โดยเป็นการประกวดวงดรัมไลน์ ประเภท Individual & Ensemble และการประกวดคัลเลอร์การ์ดรอบคัดเลือก ประเภท Junior Division และ Open Division
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2558 เริ่มตั้งแต่เวลา 12.45 น. เป็นต้นไป โดยเป็นการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ของวงดรัมไลน์ และคัลเลอร์การ์ดทุกประเภท
ในการประกวดวงดรัมไลน์ชิงถ้วยพระราชทานฯ ครั้งที่ 11 และการประกวดคัลเลอร์การ์ดประจำปี 2558 กรมพลศึกษา ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านดนตรีเครื่องกระทบและคัลเลอร์การ์ดจากสถาบันดนตรีชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กองดุริยางค์ทหารอากาศ Drum Corps International และ Winter Guard International ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โปร่งใส และยุติธรรม
ส่วนรางวัลในการประกวดนั้น นอกจากถ้วยพระราชทานฯ และถ้วยเกียรติยศ กรมพลศึกษาแล้ว ผู้เข้าร่วมการประกวดทุกประเภทยังจะได้รับทุนส่งเสริมสนับสนุนวงดรัมไลน์ หรือคัลเลอร์การ์ด มูลค่ารวมกว่า 7,000,000 บาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหารและการสนับสนุนทีมที่ส่งเข้ามาร่วมประกวด