กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ ๑๐ จัดงาน “ด้วยพระบารมี ๙๐ ปี เขื่อนพระราม ๖” เพื่อเทิดพระเกียรติครบ ๙๐ ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนพระราม ๖ เขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายทรงพล พนาวงศ์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กลาง) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “ด้วยพระบารมี ๙๐ ปี เขื่อนพระราม ๖” เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในวาระครบ ๙๐ ปี ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนพระราม ๖ ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีคณะผู้บริหารกรมชลประทานนำโดยนายสัญชัย เกตุวรชัย รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง (ที่ ๓ จากขวา) พร้อมด้วยนายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ที่ ๓ จากซ้าย) ร่วมให้การต้อนรับ ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
“กรมชลประทาน ได้เดินหน้าพัฒนาระบบชลประทานของไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำตามศักยภาพของลุ่มน้ำให้เกิดความสมดุล บริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการให้เพียงพอ ทั่วถึง และเป็นธรรม ป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำตามภารกิจอย่างเหมาะสม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำ การจัดงาน “ด้วยพระบารมี 90 ปี เขื่อนพระราม 6” ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่จะใช้โอกาสดังกล่าวสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของกรมชลประทาน โดยจะได้ทราบวิวัฒนาการของเขื่อนตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย คือ “เขื่อนพระราม 6” ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านชลประทานแก่ปวงชนชาวไทยมาตลอด 90 ปี” นายสัญชัย เกตุวรชัย รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กล่าว
“เขื่อนพระราม 6” ได้สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และบรรเทาอุทกภัยทั้งด้านเหนือเขื่อนและด้านท้ายเขื่อน โดยสามารถระบายน้ำผ่านเขื่อนได้สูงสุด 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และผันน้ำเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ได้สูงสุด 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ประกอบด้วย โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ นครหลวง รังสิตเหนือ รังสิตใต้ ชลหารพิจิตร และพระองค์ไชยานุชิต รวมประมาณ 1,500,000 ไร่ ในด้านการคมนาคม “เขื่อนพระราม 6” ถือเป็นแหล่งน้ำสนับสนุนให้การเดินเรือจากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงอำเภอท่าเรือสะดวกตลอดปี ทั้งยังช่วยระบายน้ำ รักษาระบบนิเวศน์ของแม่น้ำป่าสักไม่ให้เกิดการเน่าเสีย รวมถึงประโยชน์ในการส่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค การประปา และอุตสาหกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเต็มประสิทธิภาพ