บลจ.ธนชาต ขอเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ “กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M58 อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี เริ่มเสนอขายครั้งแรก วันนี้ถึง 7 พฤษภาคม และ “กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 3Y1” อายุ 3 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.60% เริ่มเสนอขายครั้งแรกวันนี้ถึง 9 พฤษภาคมนี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (กนง.) มีมติที่ประชุม 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือดอกเบี้ยอาร์พี 1 วัน ไว้ที่ 2% ต่อปี เพื่อเป็นการพยุงให้เศรษฐกิจไทยให้มีเสถียรภาพมากที่สุด หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองยืดเยื้อส่งผลให้สภาวการณ์ลงทุน การบริโภค การท่องเที่ยว ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ในส่วนช่วงครึ่งปีหลัง หากภาวะการเมืองคลี่คลาย มีรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวดีขึ้นแต่ก็คาดว่าก็จะเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำในปีนี้
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังคงมีความผันผวนและอ่อนไหวไปตามประเด็นทางการเมืองในประเทศ ซึ่งคาดว่าปัญหาทางการเมืองยังคงมีความยืดเยื้อออกไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน ส่วนระยะกลาง บลจ.ธนชาต เชื่อว่าดัชนีฯ น่าจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบกว้างขึ้นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเสถียรภาพทางการเมืองในระยะต่อไป รวมทั้งการกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วย
ล่าสุด บลจ.ธนชาต ขอนำเสนอกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M58 (TFI6M58) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.90% เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันนี้ – 7 พฤษภาคม 2557 กองทุนจะเข้าไปลงทุนเงินฝาก Bank of China / China Construction Bank (Asia) สัดส่วน 22.00% เงินฝาก PT Bank CIMB Niaka Tbk (Indonesia) / PT Bank International Indonesia Tbk สัดส่วน 22.00% ตราสารหนี้ที่ออกโดย Agricultual Bank of China / Industrial and Commercial Bank of China (Asia) สัดส่วน 24% หุ้นกู้ระยะสั้น บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / ธนาคารทิสโก้ สัดส่วน 22.00% ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง / หุ้นกู้ระยะสั้น ของ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 10.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.1890%
และกองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 3Y1(TFI3Y1) อายุ 3 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.60% ต่อปี เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันนี้ – 9 พฤษภาคม 2557 โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชน หรือภาครัฐ หรือหุ้นกู้สกุลเงินตราต่างประเทศที่เสนอขายในประเทศไทย (FX bond) หรือเงินฝาก โดยสามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนในกรณีที่กองทุนลงทุนในตราสารต่างประเทศ กองทุนจะจัดให้มีการป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน และ/หรืออัตราดอกเบี้ยเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน
ทั้งนี้ กองทุน TFI3Y1 จะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง สัดส่วน 25.00% ตราสารหนี้ ที่ออกโดย บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 25.00% ตราสารหนี้ที่ออกโดย บมจ.บัตรกรุงไทย สัดส่วน 25.00% ตราสารหนี้ที่ออกโดย บมจ.ไออาร์พีซี สัดส่วน 25.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.3250% นอกจากนี้ ในระหว่างอายุกองทุน จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติไม่เกินปีละ 2 ครั้ง และเงินจากการ Auto Redeem ทุกครั้ง และเมื่อเลิกกอง จะคืนให้ผู้ลงทุนโดยเข้าบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต (ถ้าลูกค้าได้ให้ข้อมูลบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต ไว้ – ไม่จำเป็นต้องเป็นบัญชีหลัก) กรณีไม่มีข้อมูลบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จะนำเงินเข้ากองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-Money)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทรศัพท์ 0-2126-8399 กด 0 หรือธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com
คำเตือน
- การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
- กองทุน TFI6M58 จะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน ดังนั้น จึงอาจมีความเสี่ยงที่คู่สัญญาธุรกรรมการป้องกันความเสี่ยงอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันหรือสัญญาดังกล่าวได้
- กองทุน TFI6M58 และกองทุน TFI3Y1 อาจ/จะมีการกระจุกตัวของการถือหน่วยลงทุนของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเกิน 1 ใน 3 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของ บลจ. www.thanachartfund.com
- หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้
- การลงทุนที่แท้จริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้เพื่อความเหมาะสมกับสภาพตลาดตราสารหนี้ และอัตราดอกเบี้ยของตราสารต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายของกองทุน
