“JMT” กางแผนปี 57 เดินหน้ารุกตลาดปล่อยสินเชื่อที่เมียนมาร์ พร้อมทำธุรกิจใหม่ผ่าน บ.ย่อย 2 แห่ง ดันรายได้ กำไรปี 57 หรู

0
891
image_pdfimage_printPrint

JMT” โชว์แผนธุรกิจเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศเริ่มที่เมียนมาร์ อยู่ระหว่างขอจดทะเบียนเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อในเมียนมาร์ หวังเป็นก้าวแรกในการรุกตลาด AEC เชื่อปีนี้เริ่มเห็นรายได้ กำไร พร้อมตั้งเป้าปี 57 ซื้อหนี้เสียในประเทศเข้าพอร์ตเพิ่มอีก 1.3 หมื่นลบ.  แถมรุกธุรกิจจากบริษัทย่อย JAM  ในตลาดหนี้ที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว และ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย จากบริษัทย่อย JMTIB อีกทั้ง รับรู้รายได้เต็ม ๆ ทั้ง 100% หลังตัดต้นทุนหนี้ก้อนโตหมดแล้ว “ปิยะ พงษ์อัชฌา” แม่ทัพบริษัทฯ เชื่อ ปัจจัยดังกล่าวหนุนภาพรวมผลงานปี 57 สวยหรู เข้าเป้าหมายกำไรสุทธิเติบโตอีก 80% จากปีก่อนได้สำเร็จ

JMT_คุณปิยะ พงษ์อัชฌา

 

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2557 ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนตามข้อกฎหมาย ในการขอจดทะเบียนเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าทั่วไป (micro finance) ในประเทศเมียนมาร์โดยเริ่มต้นช่องทางการเข้าถึงลูกค้าโดยผ่านร้าน JMART ที่เริ่มขยายสาขาในเมียนมาร์แล้ว ถ้าดำเนินการเรื่องจดทะเบียนได้เสร็จสิ้น คาดว่าจะเริ่มธุรกิจในช่วงปี 2558 เป็นก้าวแรกของการรุกตลาด AEC ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนรายได้และกำไรให้บริษัทฯได้ในปี 2558

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์เจ จำกัด หรือ JAM ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการหนี้สินที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว มีทิศทางเติบโตที่ดีจากการทยอยประมูลซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และบริษัท เจเอ็มที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือ JMTIB ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีบันทึกข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยที่ทำสัญญากับลูกค้ารายย่อยแล้ว 7 ราย ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย, บมจ.วิริยะประกันภัย, บมจ.แอลเอ็มจี ประกันภัย, บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.เมืองไทยประกันภัย, บมจ. เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย), บมจ.ทิพยประกันภัย  พร้อมคาดปี 2558 จะมีรายได้จากธุรกิจนี้ประมาณ 10 ล้านบาท จึงมองว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ทีมผู้บริหารและทีมงาน ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 /2557 บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากหนี้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทั้ง 100% หลังเร่งตัดต้นทุนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว จะสนับสนุนให้ JMT เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต พร้อมตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีนี้เติบโตขึ้นอีกร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับภาพรวมตลาดสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมาก จากภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศและสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้สถาบันการเงินต่างๆ นำหนี้เสียออกมาขายมากขึ้น ทั้งหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อรถยนต์และจักรยานยนต์ จึงมองว่า จะส่งผลดีให้บริษัทฯ มีโอกาสซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในปีนี้เพิ่มอีก 13,000 ล้านบาท เป็น 43,000 ล้านบาท จากปี 2556 พอร์ตหนี้อยู่ที่ 31,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประกาศซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วจำนวน 4,143 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอข้อสรุปในการซื้อหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มอีก คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ สนับสนุนผลงานทั้งปี JMT จะเติบโตขึ้นมาก

“ภาพรวมตลาดสินเชื่อในปี 2557 ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากการแข่งขันอย่างรุนแรงของสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาล ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากโครงการรถคันแรก และความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เกิดปัญหาการว่างงาน รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ สถาบันการเงินต่างๆ จึงนำหนี้เสียออกมาขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเริ่มทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อในเมียนมาร์และการรุกธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทย่อย 2 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจการบริหารหนี้ที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว รวมทั้งนายหน้าประกันภัยที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ เชื่อ จะสร้างรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในอนาคต” นายปิยะ กล่าวในที่สุด