เปิดตัวธุรกิจใหม่ www.vouchertoday.com ตลาดซื้อขายบัตร voucher ออนไลน์ ตอบรับกระแสอีคอมเมิร์ซไทยฮอตสุด คาดตลาดโดยรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%

0
229
image_pdfimage_printPrint

vouchertodaycom

เปิดตัวธุรกิจใหม่ www.vouchertoday.com ศูนย์กลางการซื้อขายบัตร voucher ออนไลน์ครบวงจร รองรับกลุ่มลูกค้าหลัก 3 กลุ่ม ชูจุดเด่นด้านดีไซน์และความทันสมัย ใช้งานง่าย และ Registered seller ให้ลูกค้าตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้อย่างปลอดภัย พร้อมคาดการณ์ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยโดยรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ภายในสิ้นปีนี้                  

          นายพิพัฒน์  เจียกภาพร กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหาร www.vouchertoday.com เปิดเผยว่า “จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซเริ่มขึ้นเมื่อปี 2553  เราเปิดตัว www.vouchertoday.com เพื่อเป็นศูนย์กลางการซื้อขายบัตร voucher แบบครบวงจร เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์เป็นจำนวนมาก แต่ว่ายังไม่มีเว็บไซต์ไหนที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายบัตร voucher ลดราคาสำหรับสินค้าและบริการ แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ที่พัก ร้านอาหาร ศูนย์ความงาม สถานที่ท่องเที่ยว บัตรดูหนัง คอนเสิร์ต ละครเวที หรืออื่นๆ ที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก และปลอดภัย รวมทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครันจริงๆ”

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของเว็บไซต์จะแบ่งเป็น 3  กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม voucher มือ 2  คือผู้ที่ซื้อบัตรในงานท่องเที่ยว งานแสดงสินค้า แลกมาจากคะแนนสะสมบัตรเครดิตต่างๆ หรือซื้อจาก web deal อื่นๆ ทั่วไปแล้ว ยังไม่ได้ใช้งาน และมีความต้องการที่จะนำมาขายผ่านหน้าเว็บไซต์ 2. กลุ่มผู้ขายแนวธุรกิจ กลุ่มที่ได้บัตรมาจากการทำธุรกิจร่วมกันหรือได้มาจากการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน โดยกลุ่มนี้จะมีสินค้าและบริการที่หลากหลายนำมาเสนอขายบนหน้าเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ และ 3. กลุ่มผู้ประกอบการโดยตรง เช่น ธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์ความงาม หรืออื่นๆ ที่ต้องการจะขายบัตรส่วนลดบนเว็บไซต์

รูปแบบการให้บริการของ www.vouchertoday.com สำหรับลูกค้าที่ต้องการขายบัตร voucherประเภทต่างๆ สามารถลงขายทางหน้าเว็บไซต์ได้ทันที เพียงสมัครเป็นสมาชิก Registered Seller กับทางเว็บไซต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น การจัดลำดับสินค้าหรือบริการให้อยู่ลำดับต้นๆ เพื่อสะดวกในการค้นหาข้อมูล รวมทั้งช่วยลงประกาศขายสินค้าผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กและโปรโมทสินค้าผ่านทางหน้าเว็บไซต์ด้วย ส่วนลูกค้าที่ต้องการเข้ามาซื้อบัตร voucher หรือบริการอื่นๆ สามารถใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้าถึงง่ายที่สุด เช่น ช่อง search เพื่อค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และยังสามารถ filter กำหนดช่วงราคาที่ต้องการซื้อได้อีกด้วย และที่สำคัญเรายังมี Registered seller ระบุตัวตันของผู้ขายอย่างชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

          นายพิพัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “จุดเด่นของ  www.vouchertoday.com คือ เราเป็นศูนย์กลางการซื้อขายบัตร voucher ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างครบครันมากที่สุด ทั้งด้านการออกแบบ (design) เช่น การออกแบบหน้ากระทู้ขายสินค้าให้โดดเด่น ทันสมัย และมีรูปแบบบัตร voucher ที่ลูกค้ามองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น Registered seller เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบผู้ขายก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรามีจำนวนสมาชิกแฟนเพจ www.facebook.com/vouchertodaypage มากกว่า 120,000 Likes  และมีกลุ่มลูกค้าอีกกว่า 10,000 คนในเว็บไซต์ จึงมั่นใจว่าธุรกิจนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”

กลยุทธ์การทำตลาดช่วงเปิดตัวเว็บไซต์ คือ เปิดโอกาสให้ผู้ขายสินค้าเข้ามาใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาเรียนรู้การใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ บนเว็บไซต์ ซึ่งใช้งานง่ายและปลอดภัย รวมทั้งยังมีการวางแผนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรู้จักเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น ส่วนแผนการตลาดและบริการใหม่ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบต่างๆ เช่น ระบบ stat ระบบแอพพลิเคชั่นบน iOS และอื่นๆ เพื่อช่วยให้ผู้ขายเจาะตลาดกลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น และได้รับข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการสินค้าดีมีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้หรือเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคใช้อยู่แล้ว แต่อยากได้ราคาที่ถูกลง ทั้งนี้จากรายงานสถิติผู้เข้ามาใช้บริการผ่านหน้าเว็บไซต์จะมียอดสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงก่อนวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญต่างๆ ประมาณ 7-10 วันเพื่อเตรียมหาบัตร Voucher บัตรลดที่พัก ร้านอาหาร บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ   ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น และรู้จักเลือกผู้ขายจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ และสามารถตรวจสอบประวัติผู้ขายได้เพื่อความปลอดภัย

นายพิพัฒน์กล่าวสรุปว่า “ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดอยู่ที่ประมาณ 15 – 20% ต่อปี และจากการเข้ามาทำตลาดของผู้ลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ      นักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาด โดยเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ งบประมาณจากนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาโปรโมทและให้ความรู้ด้านการทำตลาดอีคอมเมิร์ซ รวมถึงเทคโนโลยี 3G และ 4G  ที่เริ่มใช้งานมากขึ้น และการเติบโตของสมาร์ทโฟนที่ทำให้ผู้ใช้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ คาดการณ์ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ภายในสิ้นปีนี้”