เทคโนโลยี PMS/TMS หรือย่อมาจากคำว่า Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) และ Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) คือการใช้อุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์ทางแม่เหล็กไฟฟ้าทางการแพทย์ที่เรียกว่า Electromagnetic ซึ่งเครื่องตัว นี้จะทำให้เกิดการกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กความแรงสูง การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กนั้นมีมานานมากแล้ว แต่ว่าสมัยก่อนคลื่นแม่ เหล็กจะต่ำมากซึ่งผลการรักษาจึงต้องใช้เวลายาวนานเห็นผลไม่ชัดเจน แต่ในปัจจุบัน การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กนั้นสามารถ รักษาด้วยคลื่นที่มีความแรงสูง ซึ่งความแรงสูงอันนี้เริ่มต้นจากการรักษาที่กะโหลกศีรษะที่เรียกว่า Transcranial Magnetic Stimulation หรือ TMS
โรคที่เป็นข้อบ่งชี้ที่ใช้ตัวการรักษาแบบ PMS/TMS หรือการรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็ก สามารถแบ่งง่าย ๆ เป็นประมาณ 4 กลุ่มโรค คือ
กลุ่มอัมพฤษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) เกิดจากการบาดเจ็บในสมอง (Traumatic Brain Injury) เกิด จากการบาดเจ็บของไขสันหลัง (Spinal Cord Injury) กลุ่มนี้จะเป็นลุ่มใหญ่ที่จะสามารถใช้ เครื่องกระตุ้นแม่ เหล็กมาบำบัด รักษาแล้วเร่งรัดทำให้อาการฟื้นตัวของอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต เหล่านี้ดำเนินต่อเนื่องต่อไป แล้วก็มีการฟื้นตัวทุก ๆ ครั้งที่มี การรักษา คงได้ยินเรื่องราวของอัมพฤกษ์อัมพาตว่าหลังจาก 6 เดือน ไปแล้วหรือว่า 1 ปี ไปแล้วอาการที่ฟื้นตัวมามัก จะคงที่ แต่การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กนี้ทำให้การฟื้นตัวดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่แบบ excellent หรือว่ากระตุ้นทีเดียวหายก็ ตามแต่ความรู้สึกของผู้ป่วยหรือการตรวจจากแพทย์จะรู้ได้เลยว่าอาการอัมพฤกษ์อัมพาตต่างๆ เหล่านั้นมี ความคืบหน้ามีผล ต่อการรักษาที่ชัดเจน ทุกครั้งไป
กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโรคที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรงการ เสื่อมของกระดูกสันหลัง การเสื่อมของหมอนรองกระดูก การเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูก ทั้งหมดจะมีผลต่อตัวเส้นประสาท ที่เป็นรากประสาทจากไขสันหลังหรือกระทั่งว่าจะเกิดจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลังโดยตรงด้วยก็ได้ จริงๆ แล้วตัวการรักษาด้วย คลื่นแม่เหล็กจะสามารถรักษากลุ่มปวดที่เกิดขึ้นจากแนวสันหลังได้ผลเฉียบขาดยิ่งกว่าการรักษาด้วยเครื่องมืออื่น เนื่องจากว่า การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กจะสามารถกระตุ้นลึกลงไปจนกระทั่งถึงรากประสาทได้ โดยไม่มีเครื่องไหนทำได้ดีเท่านี้ในขณะนี้
กลุ่มปวดต่าง ๆ การบำบัดปวดที่เป็นเรื่องราวของการเคล็ดยอก การบาดเจ็บหรือเรื่องราวของการใช้งานเรื้อรังที่เกิดขึ้นตาม ตัว ซึ่งอาจเกิดจากตัวกล้ามเนื้อ ตัวเอ็น พังผืดหรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของตัวเส้นประสาทโดยตรงก็ตาม ไม่ว่าอาการปวด จะเกิดขึ้นตามคอ บ่า ข้อศอก แขน มือ เอว หลัง สะโพก ขา เข่า หรือแม้กระทั่งข้อเท้า ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน แม้เป็น เรื่องของกล้ามเนื้อเอ็นกระดูกไขข้อล้วน ๆ แต่สามารถบำบัดได้ด้วยเครื่องกระตุ้นตัวนี้ที่เราเรียกว่า PMS/TMS ซึ่งการรักษาสิ่ง สำคัญ เลยในกลุ่มนี้คือสามารถรักษาแล้วได้ผลการรักษายาวนานกว่าทุก ๆ เครื่องมือในทางกายภาพบำบัดที่เคยมีมาก่อน
กลุ่มอาการชา คือ เรื่องของการรักษาคนไข้ในที่มีอาการชา อาการรู้สึกที่ไม่ปกติในส่วนของแขน ขา ที่เรียกว่าปลายประสาท อักเสบ ปลายประสาท อักเสบกล่าวรวม ๆ คือพบได้เยอะมาก ๆ เป็นกลุ่ม ใหญ่ที่เกิดจากเบาหวาน มีอาการชาจากเบาหวาน เยอะมาก การฟื้นตัวมีขีดจำกัดอาการชาคงเหลืออยู่ และอาจจะเป็นมากขึ้นตามระยะเวลาที่เกิดขึ้น เพราะว่าเบาหวาน นั้นทำ ให้เกิดการขาดเลือด เรียกว่า ขาดสารอาหารจากน้ำตาลในเลือดที่จะไปเลี้ยงกับ ตัวเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดอาการ อักเสบขึ้นมา เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะพบได้ในระยะหลังของเบาหวานคือ มีเรื่องของการชาตามปลายประสาท ซึ่งจะพบในผู้ป่วย กลุ่มเบาหวานจำนวนมากอยู่แล้ว การรักษาเพื่อให้ได้ผลจริงจังแล้วแทบจะไม่มีเลย จนกระทั่งมีการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กตัวนี้ ทุกครั้งที่ทำการรักษาผู้ป่วยตั้งแต่ครั้งแรก ผู้ป่วยกลุ่ม เบาหวานที่มีอาการชามือ ชาเท้าจะดีขึ้น 50-100% เลยในแต่ละครั้ง ที่ รักษา
นอกเหนือจาก 4 กลุ่มนี้แล้ว เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กตัวนี้ยังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ คือ
• เพิ่มซิกแพคได้
• เพิ่มสัดส่วนของสะโพก
• สามารถลดไขมันหน้าท้องได้
• การรักษาอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะกลั้นไม่อยู่ เป็นต้น
TO KNOW …
ข้อควรระวัง/ข้อแนะนำหลังการรักษา
การรักษาในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความปวดและความชาจะต้องใช้ความแรง ของตัวเครื่อง PMS/TMS ค่อนข้างมาก ความแรงเรียกว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ คือใช้ความแรงกี่เปอร์เซ็นต์ของความแรงสูงสุด อย่างเครื่องนี้หัวคอยล์มีความแรง สูงถึง 3 เทสล่า ซึ่ง 3 เทสล่า ก็คือเท่า ๆ กับแม่เหล็กที่อยู่ในเครื่อง MRI (ตัวเล็ก 1.5 เทสล่า ตัวใหญ่ประมาณ 3-4 เทสล่า) เวลา บิด ความแรงสามารถบิดรักษาได้สูงสุดถึง 100% ความแรงมากมายขนาดนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
กล้ามเนื้อมีโอกาสระบมหรือเป็นตะคริวได้ 2-3 วันหลังรับการรักษา หลังจากนั้นจะกลับมาเป็นปกติมีโอกาสเกิดความร้อนได้หากไม่ระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนที่เกิดกับตัวโลหะที่วางอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น หัวเข็มขัด หัวคอยล์ เหรียญที่อยู่บนกางเกงยีนส์ พวกนี้ต้องคอยตรวจสอบ เวลาทำด้วยความแรงมาก ๆ เหล่านี้ ต้องเอาออกให้ห่างจากตัว
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ: ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสุขุมวิท โทร. 02-391-0011 ต่อ 972, 973