25 สิงหาคม 2563, กู๊ดวูด
• แผงหน้าปัดที่ประกอบด้วยชื่อยนตรกรรมที่ส่องสว่างและแสงไฟแบบกลุ่มดาวคือองค์ประกอบบีสโป๊ก (Bespoke) ชิ้นแรกในยนตรกรรม‘นิว โกสต์’ ที่ได้รับการเปิดเผย
• ใช้เวลาพัฒนากว่า 2 ปี รวมเวลากว่า 10,000 ชั่วโมง
• สะท้อนปรัชญา ‘โพสต์ ออปพิวเลนซ์ (Post Opulent)’ ที่เน้นความเรียบง่ายอันเป็นแนวทางการออกแบบของ ‘นิว โกสต์’
• เผยโฉมก่อนการเปิดตัวแบบดิจิทัลของ ‘นิว โกสต์’ ในวันที่ 1 กันยายน 13:00 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักร
#rollsroyceghost
Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ซัสเซ็กซ์ คือศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์หรูหราระดับโลก กลุ่มนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือ Bespoke Collective ณ ฐานการผลิตที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ ไม่เคยหยุดที่จะเสาะหาวิธีการอันล้ำสมัยและซับซ้อนเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของลูกค้าของโรลส์-รอยซ์แต่ละท่านกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ในวันนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมล้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์พร้อมนำเสนอแผงหน้าปัดแบบเรืองแสง หรือ ‘Illuminated Fascia’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมบีสโป๊กที่สร้างขึ้นสำหรับ ‘นิว โกสต์’ โดยเฉพาะ โดยถือเป็นการประเดิมก่อนการเปิดตัวยนตรกรรมพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 1 กันยายน ณ 13:00 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักร ทาง rolls-roycemotorcars.com
หลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า 10,000 ชั่วโมง ตลอด 2 ปี แผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’ ที่มาพร้อมชื่อยนตรกรรมโกสต์แบบเรืองแสง รายล้อมด้วยดาวมากกว่า 850 ดวง ก็ถูกนำมาประดับไว้ภายในห้องโดยสารของ ‘นิว โกสต์’ กลุ่มดาวและข้อความบริเวณแผงหน้าปัดจะถูกซ่อนจนแทบมองไม่เห็นเมื่อเครื่องยนต์ดับอยู่ นวัตกรรมบีสโป๊กชิ้นนี้สอดคล้องไปกับเพดานห้องโดยสาร ‘สตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์’ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์เฉพาะตัวของโรลส์-รอยซ์ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี แผงกระจังหน้าทรงแพนธีออน และโมโนแกรมตัว “R” คู่
แบรนด์ตัดสินใจสร้างแผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการออกแบบ ‘โพสต์ ออปพิวเลนซ์’ ของ ‘นิว โกสต์’ ซึ่งการพัฒนาตัวยนตรกรรมเองก็ถือเป็นการตอบสนองต่อข้อเสนอแนะจากลูกค้าเช่นกัน รายละเอียดที่ยุ่งยากและผิวเผินได้ถูกตัดทิ้ง หลีกทางให้กับรูปแบบที่เรียบง่ายและประณีตมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้ครอบครองผลงานยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษตามวิสัยทัศน์ของตน ด้วยแนวทางนี้ ทีมออกแบบ Bespoke Collective จึงเลือกที่จะไม่ใช้วิธีติดตั้งหน้าจอเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าหลงใหลนี้ ในทางกลับกันพวกเขาสร้างนวัตกรรมขึ้นใหม่อันเป็นแก่นแท้ของความหรูหราและซับซ้อนอย่างแท้จริง
แสงที่ส่องออกมาเกิดจากไฟ LED 152 ดวงที่ติดตั้งไว้ทั้งด้านบนและด้านล่างของแผงหน้าปัด สีที่นำมาใช้ได้รับการเลือกอย่างพิถีพิถันให้เข้ากับนาฬิกาของห้องโดยสารและไฟที่หน้าปัดซึ่งบอกข้อมูลการขับขี่ และเพื่อให้แน่ใจว่าลวดลายข้อความ ‘โกสต์’ บนแผ่นป้ายจะสว่างสม่ำเสมอเท่ากันหมด มีการสลักจุดกว่า 90,000 จุดลงบนพื้นผิวของเส้นนำแสงความหนา 2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยให้แสงกระจายตัวได้ทั่วถึงกัน พร้อมกับสร้างเอฟเฟกต์ที่ระยิบระยับเมื่อทอดสายตาผ่านแผงหน้าปัด ล้อไปกับประกายแสงที่นุ่มนวลของเพดานสตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์
งานวิศวกรรมขนานใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าแผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’ จะไม่มีทางมองเห็นได้เลยในขณะที่ยังไม่ได้เดินเครื่องยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทีมวิศวกรได้ใช้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นผิวสีดำ Piano Black ซึ่งฉลุด้วยเลเซอร์เพื่อลบสีดำออกบางส่วนและปล่อยให้แสงส่องผ่านคำว่า ‘Ghost’ และกลุ่มดาว พื้นผิวนี้ถูกทับด้วยชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นแลคเกอร์สีเข้ม เข้ามาช่วยซ่อนตัวอักษรเอาไว้เมื่อยังไม่ติดเครื่องยนต์ ชั้นสุดท้ายถูกทาทับด้วยแลคเกอร์ในเฉดสีที่กลมกลืน และขัดด้วยมือเพื่อให้ได้ผิวเคลือบหนา 0.5 มิลลิเมตรที่มีความมันเงาเสมอกัน และสอดคล้องกับการตกแต่งในส่วนอื่นของตัวรถที่เน้นบางจุดให้เด่นขึ้นด้วยเทคนิคไฮกลอส
ไมเคิล ไบรเดน (Michael Bryden) หัวหน้านักออกแบบบีสโป๊ก กล่าวว่า “แผงหน้าปัด ‘Illuminated Fascia’ เข้ากันได้ดีกับแนวคิดการออกแบบ ‘โพสต์ ออปพิวเลนซ์’ ที่เราใช้กับ ‘นิว โกสต์’ ความงามที่หรูหราและเรียบง่ายนี้เป็นการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าโกสต์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหญิงและชายที่ต่างชื่นชอบการแสดงออกที่มีความเนี้ยบ หมดจด และมีขนาดเล็กลงของโรลส์-รอยซ์ เฉกเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของการออกแบบที่ล้ำสมัยของยานยนต์โกสต์ แผงหน้าปัดที่ ‘ถูกซ่อนไว้จนกว่าจะส่องประกาย’ นี้ก็ได้ซ่อนความซับซ้อนที่เป็นกุญแจของความรู้สึกหรูหราแบบไม่ต้องพยายามด้วยการตกแต่งที่เรียบง่าย”
