TSI Insurance เผยไตรมาส 3/2562 เบี้ยพุ่ง 87% พร้อมเดินหน้ารุกตลาด จับมือพันธมิตรพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกัน

0
270
image_pdfimage_printPrint

นางสาวอรลดา เผ่าวิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ (รักษาการ) บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TSI Insurance เปิดเผยถึงการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562 ว่าบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดที่ 151.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87.7 จากไตรมาส 2 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 80.6 ล้านบาท จากการเชื่อมระบบการขายและการรับส่งข้อมูลกับนายหน้าและตัวแทน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสินไหมและค่าจัดการสินไหมสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 33.7 อยู่ที่ 33.0 ล้านบาท

นางสาวอรลดากล่าวว่า หลังการปรับโครงสร้างการบริหารภายใต้การนำของนายธนพล บุญวรุตม์ ประธานกรรมการ ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรให้ปรับตัวรับการแข่งขัน ในอุตสาหกรรม รวมทั้งยังวางกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าต่างจังหวัด ที่ผ่านมามีการเติบโตจากสัดส่วนร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 35 ในไตรมาส 3 ทำให้คาดว่าบริษัทฯจะสามารถทำเบี้ยประกันภัยรับได้ ประมาณ 600 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้

สำหรับนโยบายและแผนงานในไตรมาส 4 และระยะต่อไป บริษัทฯ จะเน้นการรับงานคุณภาพ ควบคู่กับการร่วมงานแบบพันธมิตรกับนายหน้าและตัวแทนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Tailor made products) รวมทั้งการขยายการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) โดยการย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มาที่ใจกลางธุรกิจ เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมการขยายช่องทาง ในการติดต่อ และให้บริการลูกค้ากลุ่ม B2B ให้มีความสะดวกเพิ่มขึ้น การพัฒนางานบริการทุกด้านพร้อมไปกับการให้บริการสินไหมทดแทนที่จะมีการพัฒนา software ให้สามารถตอบรับการรับแจ้ง และการบริการสินไหมให้มีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งนโยบายและแผนงานดังกล่าวจะพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

“ภายหลังการเพิ่มทุนจำนวน 410 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจตามแผนงาน โดยในส่วนการพัฒนาระบบงานหลักที่เกี่ยวกับการขายและการรับประกันคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2563 และจะพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการบริการลูกค้าในระยะต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายขยายการลงทุนเพิ่มเติมด้วยการมองหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรเพื่อขยายช่องทางรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด” น.ส.อรลดากล่าว

ด้านนางสาวคณิดา นิมมาณวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ว่า ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานของบริษัท โดยภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับจำนวน 310.7 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับเฉพาะงวด 3 เดือนมีจำนวน 151.3 ล้านบาท การจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมปรับปรุงดีขึ้น โดยเฉพาะการเก็บเบี้ยประกันภัยที่เร็วขึ้น และการติดตามเบี้ยค้างรับที่มีอายุเกินกว่า 1 ปี ได้มากขึ้น โดยอัตราการเก็บเบี้ยประกันตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน คปภ. ปรับปรุงจากร้อยละ 45 ในปี 2561 เป็นร้อยละ 75 ในไตรมาส 2 และร้อยละ 90 ในไตรมาส 3 ทำให้สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เคยบันทึกไว้ในอดีตลดลงตามไปด้วย

ส่วนค่าสินไหมและค่าใช้จ่ายในการจัดการสินไหมทดแทนสุทธิในปีปัจจุบันลดลงเช่นกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากกรมธรรม์ที่สามารถเรียกร้องคืนจากบริษัทประกันต่อเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับงวด 3 เดือนลดลง 59.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 80 มีผลทำให้บริษัทต้องสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ (Unearned Premium Reserve : UPR) ตามหลักการบัญชีเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3บริษัทฯ

บันทึกค่าใช้จ่ายจากสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้จำนวนนี้จะสามารถถือเป็นรายได้ในงวดถัดๆ ไป ตามปีกรมธรรม์ ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 43.1 ล้านบาท เกิดจากค่าใช้จ่ายสำรองเบี้ยประกันที่ยังไม่ถือเป็นรายได้เพิ่มขึ้นตามที่ได้กล่าวข้างต้น การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 17.6 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลงจำนวน 28.7 ล้านบาท ผลขาดทุนสูงขึ้นจากปี 2561 ซึ่งมีขาดทุนสุทธิจำนวน 26.3 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนจำนวน 3.9 ล้านบาท ดีขึ้นจากในปี 2561 ที่ขาดทุน 50.2 ล้านบาท หรือ ขาดทุนลดลงร้อยละ 92