เมืองจูไห่พร้อมเปิดรับความร่วมมือระดับโลกที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ผ่านการเปิดกว้างและนวัตกรรม
พิธีเปิดการประชุมการสื่อสารระหว่างประเทศว่าด้วยเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 (กวางตุ้ง) ครั้งที่ 3 (The 3rd 21st Century Maritime Silk Road China (Guangdong) International Communication Forum) ได้จัดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 ตุลาคม ณ เมืองจูไห่ ประเทศจีน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 300 คน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผู้บริหารบริษัทชื่อดัง และตัวแทนสื่อมวลชนระดับอาวุโส การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Integration of the Maritime Silk Road Facilitated by the Development of the Guangdong – Hong Kong – Macao Greater Bay Area” ซึ่งแขกผู้มีเกียรติได้แบ่งปัน “ภูมิปัญญาระดับโลก” สำหรับการเจรจา ความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนท่ามกลางอารยธรรมในยุคสมัยใหม่
ในฐานะเมืองเจ้าภาพ จูไห่พยายามทำหน้าที่เป็นประตูหลักและศูนย์กลางของเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) และส่งเสริมการพัฒนาแบบบูรณาการตามโครงการ Belt and Road จูไห่ปฏิบัติตามแนวโน้มของกาลเวลาด้วยความคิดที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์
นาย Fan Gang รองประธานาสมาคมการปฏิรูปเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน กล่าวว่า เส้นทางสายไหมทางทะเลเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ Belt and Road ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนากระบวนการโลกาภิวัตน์ของจีน ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศอื่นๆ ตามเส้นทางสายไหมทางทะเล จีนและทั่วโลกจะได้รับประโยชน์อย่างมากในแง่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
การลงทุนสองทางระหว่างจีนและประเทศตามแถบเส้นทางสายไหมใหม่ขยายตัวขึ้น โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการค้าของจีนกับประเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Belt and Road เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี Eastcompeace Technology Co., Ltd., XH Smart Tech (China) Co., Ltd. และบริษัทอื่นๆ จากจูไห่ ประสบความสำเร็จในการตั้งฐานการผลิตและการแปรรูปในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เมืองจู่ไห่ลงทุน 57 โครงการในประเทศต่างๆ ตามเส้นทางสายไหมใหม่ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แนวทางการดำเนินงานแบบจีน ซึ่งประกอบด้วยการปรึกษาหารือ การบรูณาการ ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างกว้างขวาง กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในบรรดาประเทศตามเส้นทาง Belt and Road ที่ต้องการเดินหน้าพัฒนาต่อไปในอนาคต
David Gosset ผู้ก่อตั้งการประชุม Euro-China Forum กล่าวว่า ข้อเท็จจริงด้านการพัฒนา ตลอดจนเรื่องราว และความพยายามที่เกิดขึ้นในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ได้ช่วยให้จีนส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สะพานฮ่องกง-จู่ไห-มาเก๊า ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือเกาหลาน ที่สามารถเข้าถึงได้จากทั่วโลก ตลอดจนช่องทางโลจิสติกส์นานาชาติเอเชียใต้ที่เชื่อมระหว่างเสฉวน-กุ้ยโจว-กวางตุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งตารอคอย จะช่วยเร่งการหมุนเวียนของบุคลากรที่มีศักยภาพ เทคโนโลยี ทุน และข้อมูลภายในและภายนอกเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชิงลึกของ Belt and Road Initiative
ด้วยการสานต่อความสำเร็จด้านการพัฒนาภายใต้นโยบายการปฏิรูปและเปิดกว้างตลอดระยะเวลา 40 ปี ทำให้จูไห่เป็นผู้นำในการสร้างบันทึกหน้าใหม่ของการแลกเปลี่ยนที่กลมเกลียวและความร่วมมือรูปแบบใหม่ระหว่างเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า กับทั่วโลก
ทั้งนี้ China-Israel Accelerator Project ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างจูไห่กับอิสราเอล รวมทั้ง China-Israel Technology Innovation IP Exchange Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ให้บริการแลกเปลี่ยนความสำเร็จทางเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในจูไห่ และค่อยๆ เข้ามามีบทบาทระดับโลกในฐานะแพลตฟอร์มการจัดสรรทรัพยากรนวัตกรรม และแพลตฟอร์มการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการผลักดันการพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกันของประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทางสายไหมใหม่
ขณะเดียวกัน สวนอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านยาแผนโบราณจีน Traditional Chinese Medicine Science and Technology Industrial Park of Co-operation between Guangdong and Macao (GMTCM Park) ในเขตเหิงฉิน เมืองจูไห่ กำลังรุกเปิดตัวในระดับสากล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมแพทย์แผนจีนของประเทศต่างๆ ตามโครงการ Belt and Road Initiative ปัจจุบัน GMTCM Park ได้จัดตั้งความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสุขภาพหลายแห่งในประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกส เช่น กระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก และกองโภชนาการและสัตวแพทย์ของโปรตุเกส เพื่อส่งเสริมการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์และบริการแพทย์แผนจีน รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนการค้าระหว่างประเทศ
เมืองต่างๆ ในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เช่น จูไห่ กำลังเชื่อมต่อนวัตกรรมของประเทศตามแนวเส้นทางสายไหมใหม่ ด้วยยุทธศาสตร์ที่เน้นความเป็นสากลมากขึ้น และด้วยการผลักดันในรูปแบบที่แปลกใหม่มากขึ้น
ในระหว่างงานประชุม ได้มีการหยิบยกความสำเร็จล่าสุดในด้านการบูรณาการสื่อมานำเสนอผ่านระเบียงเทคโนโลยี และการจัดแสดงนิทรรศการภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ตลอดแนวเส้นทางสายไหมใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากผู้เข้าร่วมงาน
นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการพัฒนาและการดำเนินงานของโครงการ Belt And Road Initiative เทคโนโลยีดิจิทัลไม่เพียงทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่ขับเคลื่อนการค้าอย่างไร้ขีดจำกัด แต่ยังช่วยส่งเสริมการผสมผสานวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของประเทศต่างๆ อีกด้วย
งานประชุมจัดขึ้นในจูไห่เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งช่วยให้ประชาชนจากประเทศที่มีวัฒนธรรมและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน สามารถยกระดับความเข้าใจร่วมกัน เผยแพร่จิตวิญญาณของเส้นทางสายไหมทางทะเลผ่านการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ตลอดจนกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
โครงการ Belt and Road Initiative แตกหน่อขึ้นในประเทศจีน และได้รับการพัฒนาตลอด 6 ปีที่ผ่านมาจนเติบโตเป็นดอกไม้แห่งความร่วมมือระดับโลกที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ซึ่ง จูไห่ เมืองชายฝั่งทางใต้ของจีน ก็ได้มีส่วนสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าว
“สาเหตุที่จูไห่ดึงดูดกลุ่มหัวกะทิและบุคลากรคนเก่งให้เข้ามามีส่วนร่วมในด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น เป็นเพราะจูไห่มีความพร้อมในการเปิดกว้างต้อนรับผู้มาเยือนทุกคน โดยช่วยให้พวกเขาสามารถทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิชาการและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างเต็มที่ ผมคิดว่าจูไห่จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่” คุณ San Hoa Thang สมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวิศวกรรมแห่งออสเตรเลีย และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลีย กล่าว
ที่มา: The 3rd 21st Century Maritime Silk Road China (Guangdong) International Communication Forum
AsiaNet 81240