สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย โชว์ศักยภาพการจัดการแข่งขันกีฬาทางน้ำระดับโลก

0
390
image_pdfimage_printPrint

สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย โชว์ศักยภาพการจัดการแข่งขันกีฬาทางน้ำระดับโลก
ในรายการ “เรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกครั้งที่ 14” (14th IDBF World Dragon Boat Racing Championships)
เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism)

สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากสมาพันธ์เรือยาวมังกรโลก (IDBF : International Dragon Boat Federation) ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “เรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกครั้งที่ 14” (14th IDBF World Dragon Boat Racing Championships) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-25 สิงหาคม 2562 ณ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน อำเภอ บางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะมีมวลทีมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ มากกว่า 4,000 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก

พลเรือเอกชัยณรงค์ เจริญรักษ์ นายกสมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขัน “เรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกครั้งที่ 14” (14th IDBF World Dragon Boat Racing Championships) ครั้งนี้ จะเป็นการโชว์ศักยภาพความพร้อมในการจัดแข่งขันกีฬาทางน้ำของสมาคมกีฬาเรือพายฯ ทั้งด้านบุคลากรในการจัดการแข่งขัน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการสมาคมฯ รองรับการเป็น World Rower Sports Hup ศูนย์กลางกีฬาเรือพายในภูมิภาคเอเซียในอนาคตอันใกล้ อันจะส่งผลดีต่อการเสริมสร้างอุตสาหกรรมการกีฬาของประเทศไทยในภาพรวม ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการฝึกซ้อม การอบรม และการแข่งขันเรือพายของโลก สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้จะมีการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศมากกว่า 200 ล้านบาท จากการใช้จ่ายของทีมนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน และเดินทางมาชมการแข่งขันกว่า 4,000 คน ตลอดระยะเวลา 10 วัน

นอกจากนี้การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการสร้างความนิยมให้ประชาชนคนไทยได้รู้จักกีฬาเรือพายประเภทเรือยาวสากลมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้กีฬาเรือพายให้เป็นกีฬาสำหรับคนไทยในการออกกำลังกาย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และเสริมสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดองของคนในสังคม (Sport for All) อีกทั้งยังเป็นการพัฒนานักกีฬาเรือยาวสากลทีมชาติไทยสู่ความเป็นเลิศในระดับโลก โดยใช้การแข่งขันเป็นศูนย์กลางในการเพิ่มทักษะนักกีฬาเรือยาวสากลทีมชาติไทยในทุกรุ่น (อาวุโส, ทั่วไป, เยาวชนอายุ 23, 18 และ 16 ปี) ผ่านการคัดเลือกและเก็บตัวฝึกซ้อม พร้อมใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาสู่การพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ

พลเรือเอกชัยณรงค์ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสอันดีของนักกีฬาเรือพายไทยในการเพิ่มพูนประสบการณ์เพื่อก้าวขึ้นไปเป็นนักกีฬาชั้นนำ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยทุกคน ได้สัมผัสกับการแข่งขันกีฬาระดับโลก สัมผัสกับระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐานสากล และได้รับการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้มีการเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง”

การแข่งขัน “เรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกครั้งที่ 14” นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพการกีฬาไทย ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 ที่มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรกีฬาเรือพายทุกประเภท ให้มีปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอ และมีขีดสมรรถนะที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมให้นักกีฬาได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่ความสำเร็จในการแข่งขันระดับเอเชียและระดับโลก ทั้งในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์และมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทย รวมทั้งนักกีฬาคนพิการ สามารถสร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศชาติเพื่อรองรับการเติบโตอุตสาหกรรมกีฬาอย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมความนิยมในกีฬาเรือพายให้สูงขึ้น เพื่อที่จะได้มีการจัดการแข่งขันในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เสริมสร้างอุตสาหกรรมการกีฬาของประเทศไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“กีฬาเรือยาวมังกรเป็นกีฬาที่ช่วยพัฒนาขีดสมรรถนะของคนที่เกี่ยวข้องในด้านทัศนคติ ได้แก่ การทำงานเป็นทีม, การสร้างความสนุกสนาน ความสามัคคีระหว่างหมู่คณะ ทั้งยังยังช่วยให้นักกีฬาได้รู้ถึงการรับผิดชอบต่อผลสำเร็จร่วมกัน รวมถึงการรู้จักแพ้ชนะอีกด้วย อีกทั้งการแข่งขันในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาวะของผู้คนอย่างครบวงจร ทั้งช่วยพัฒนาจิตใจ และหล่อหลอมสู่ความเป็นพลเมืองดีของชาติ ซึ่งทัศนคติดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรทุกสังคมมีความต้องการเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น กีฬาชนิดนี้ จึงควรค่าแก่การเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ประโยชน์แก่เยาวชน องค์กร และสังคม ให้มีความพร้อมที่ขับเคลื่อนประเทศชาติในอนาคตต่อไป” พลเรือเอกชัยณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย