AlgaPrime(TM) DHA ประกาศความสำเร็จร่วมกับ “ไทยยูเนี่ยน” ในการทดลองผสมกับอาหารกุ้ง พร้อมส่งเสริมการทำฟาร์มกุ้งอย่างมีจิตสำนึก

0
481
image_pdfimage_printPrint

โอเมกา 3 จากสาหร่ายนำเสนอส่วนผสมอาหารสัตว์ที่ยั่งยืนและสืบทวนแหล่งที่มาได้ เพื่อการทำฟาร์มกุ้งอย่างมีจิตสำนึก

Corbion ผู้นำตลาดโลกด้านส่วนประกอบจากสาหร่ายเพื่อผสมอาหารและอาหารสัตว์ ได้ประกาศในงานประชุมสุดยอด SeaWeb Seafood Summit ว่าผลิตภัณฑ์ AlgaPrime(TM) DHA ประสบความสำเร็จในการทดลองผสมกับอาหารกุ้งจากผู้ผลิตอาหารทะเลระดับโลกอย่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดย AlgaPrime(TM) DHA เป็นแหล่งโอเมกา 3 สายยาวจากสาหร่ายที่ผลิตอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกเนื่องจากมีการพัฒนาการสืบทวนแหล่งที่มา ทั้งยังลดอัตราส่วนปลาเข้าต่อปลาออก (fish-in fish-out) ของอาหารทะเลในฟาร์มด้วย

“โอกาสใหม่ของเรากับไทยยูเนี่ยน แสดงถึงพันธกิจของเราในด้านความยั่งยืน” Chris Haacke หัวหน้าฝ่ายการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของบริษัท Corbion กล่าว “การทำฟาร์มกุ้งเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และ AlgaPrime(TM) DHA ก็มีศักยภาพที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำฟาร์มกุ้งในแง่ของการสืบทวนแหล่งที่มาและความยั่งยืนของอาหารกุ้ง และยังช่วยเพิ่มโอเมกา 3 ที่มีคุณค่าทางสารอาหารในผลิตภัณฑ์ของผู้ทำฟาร์มกุ้งอีกด้วย”

ปัจจุบันอุตสาหกรรมการทำฟาร์มกุ้งใช้น้ำมันปลาราว 100,000 ตันต่อปี เนื่องจากน้ำมันปลามี DHA ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตและพัฒนาการของกุ้ง ความต้องการโอเมกา 3 ในรูปแบบของ DHA ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม โอเมกา 3 จากปลาที่จับได้ตามธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งที่ใช้กันในปัจจุบันนั้นมีอยู่อย่างจำกัด

ตั้งแต่ปี 2559 บริษัท Carbion ได้ผลิต AlgaPrime(TM) DHA ในปริมาณระดับอุตสาหกรรมซึ่งสอดคล้องกับความต้องการในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ AlgaPrime(TM) DHA ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาการประมงปลาทะเลและเพื่อเป็นแหล่งใหม่ของโอเมกา 3 สายยาวสำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเป็นส่วนผสมที่ทำมาจากสาหร่ายซึ่งมี DHA มากกว่าน้ำมันปลาราวสามเท่า AlgaPrime(TM) DHA เป็นส่วนผสมที่สะอาดซึ่งผลิตอย่างยั่งยืนผ่านการหมักกับน้ำตาลอ้อยที่ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมเป็นวัตถุดิบตั้งต้น

“ไทยยูเนี่ยนมียุทธศาสตร์ส่งเสริมความยั่งยืนอย่าง SeaChange(R) ซึ่งขับเคลื่อนการพัฒนาที่มีความหมายในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก โดยเฉพาะในแง่ของการสืบทวนหาแหล่งที่มาและการใช้แหล่งที่มาอย่างมีจิตสำนึก” Darian McBain ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กล่าว “การร่วมมือกับ Corbion ทำให้เราได้ดำเนินการตามเป้าหมายของเรา เพื่อนำกุ้งที่มีแหล่งที่มาถูกต้องและยั่งยืนเข้าสู่ตลาดให้มากยิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ ในงานประชุมสุดยอด SeaWeb Seafood Summit นี้ Chris Haacke และ Darian McBain จะเข้าร่วมการอภิปรายเรื่อง “Innovation in Action: The Journey Toward Incorporating Novel Feed Ingredients and Engaging Consumers” ในวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน เวลา 10.30 น. โดย Haacke และ McBain ร่วมกับตัวแทนท่านอื่น ๆ จากบริษัทเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชั้นนำ จะพูดถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มส่วนผสมเชิงนวัตกรรมเข้าไปในอาหารสัตว์ ตลอดจนการสื่อสารนวัตกรรมดังกล่าวให้แก่ผู้บริโภค

เกี่ยวกับ Corbion
Corbion เป็นผู้นำตลาดระดับโลกด้านกรดแลคติก อนุพันธ์กรดแลคติก และเป็นบริษัทชั้นนำด้านอิมัลซิไฟเออร์ ส่วนผสมเอนไซม์ที่มีประโยชน์ แร่ธาตุ วิตามิน และส่วนผสมที่ทำจากสาหร่าย เราพัฒนาส่วนผสมที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ทั้งผู้คนในปัจจุบันและคนรุ่นต่อไปในอนาคต เป็นเวลากว่า 100 ปีที่เรายืนหยัดในพันธกิจด้านความปลอดภัย คุณภาพ นวัตกรรม และประสิทธิภาพ เรานำความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มาทำงานเคียงข้างลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเราอย่างได้ผลจริง วิธีการของเราช่วยสร้างความแตกต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านและส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สารอาหารสัตว์ เภสัชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ และพลาสติกชีวภาพ ในปี 2561 บริษัท Corbion มียอดขายรวมทั้งปี 897.2 ล้านยูโร และมีพนักงานราว 2,040 คน บริษัท Corbion อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Amsterdam ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.corbion.com

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลของโลก ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเชิงนวัตกรรมคุณภาพสูงที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพให้แก่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน โดยมียอดขายต่อปีกว่า 1.333 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกกว่า 47,000 คนซึ่งล้วนมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเชิงนวัตกรรมที่ยั่งยืน

แบรนด์ลูกของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ซึ่งล้วนเป็นผู้นำตลาดระดับนานาชาติ ได้แก่ Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Ruegen Fisch และแบรนด์ชั้นนำในไทย ได้แก่ SEALECT, Fisho, Qfresh, Monori, Bellotta และ Marvo

ไทยยูเนี่ยน มุ่งดำเนินการตามพันธกิจด้านนวัตกรรมและพฤติกรรมที่มีจิตสำนึกต่อโลก และมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) นอกจากนี้ ยังเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation – ISSF) และในปี 2558 ไทยยูเนี่ยน ได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน SeaChange(R) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ seachangesustainability.org

การดำเนินการเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของบริษัทไทยยูเนี่ยน ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับในหมวดอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารในดัชนีความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Index เป็นอันดับหนึ่ง โดยมีค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ด้านความยั่งยืนที่ 100 บริษัทได้รับการเสนอชื่อในการจัดอันดับดังกล่าวถึงห้าปีซ้อน นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อใน FTSE4Good Emerging Index ติดต่อกันเป็นปีที่สามในปี 2561

สื่อมวลชนติดต่อ:
AlgaPrime@rfbinder.com

โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/830614/Corbion_Logo.jpg
โลโก้ – https://mma.prnewswire.com/media/830620/AlgaPrime_Logo.jpg