โดยจะนำเครื่องบิน 2 เครื่องยนต์มาใช้แทนเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์
เป็นการลงทุนเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ลดเสียงรบกวน และประหยัดพลังงาน ที่สำคัญเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการ
ลุฟท์ฮันซ่า มีกำหนดการขายเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ ในปี พ.ศ. 2565/2566
ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยฝูงบินระยะไกลที่ทันสมัย โดยในที่ประชุมบอร์ดผู้บริหารเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้อนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินจำนวน 40 ลำ สำหรับสายการบินต่างๆ ในกลุ่มสายการบิน เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 จำนวน 20 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส A350-900 จำนวน 20 ลำ ซึ่งได้วางแผนที่จะนำมาใช้แทนเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ โดยเครื่องบินใหม่นั้นจะมีการส่งมอบในช่วงปลายปี พ.ศ.2565 และ พ.ศ. 2570
การสั่งซื้อในครั้งนี้เป็นการลงทุนกว่า 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยการสั่งซื้อในมูลค่าสูงครั้งนี้แน่นอนที่ทางลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปจะต้องเจรจาต่อรองราคา ซึ่งทางคู่สัญญาตกลงว่าจะไม่เปิดเผยราคาที่ซื้อจริง
“การนำเครื่องบินใหม่นี้มาแทนเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ นับเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงของเราในอนาคตอย่างยั่งยืน นอกจากความคุ้มค่าของเครื่องบิน A350 และ B787 แล้วนั้น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลงของเครื่องบินระยะไกลรุ่นใหม่นี้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้อีกด้วย ซึ่งความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างมากและถือเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจนั่นเอง” มร. คาร์สเตน สปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการ ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป กล่าว
ส่วนการเลือกใช้เครื่องบินรุ่นใดกับสายการบินไหนนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาและจะตัดสินใจในโอกาสต่อไป
การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร ถือเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกลุ่มในการปรับปรุงให้ฝูงบินมีความทันสมัยยิ่งขึ้น ขณะนี้สายการบินต่างๆในกลุ่มปฎิบัติการด้วยเครื่องบินระยะไกลจำนวน 199 ลำ (ข้อมูลเมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ 2561) ประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัส A350-900 จำนวน 12 ลำ ซึ่งในต้นปี พ.ศ. 2563 จะเปิดตัวเครื่องบินโบอิ้ง 777-9 อีกด้วย
การลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดเสียงรบกวนในเครื่องบิน
นอกจากเครื่องบินแอร์บัส A350-900 เครื่องบินโบอิ้ง 777-9 และเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 แล้ว ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป จะเป็นเจ้าของเครื่องบินระยะไกลที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในเครื่องบินระดับเดียวกัน ในแง่ของการใช้พลังงานต่อผู้โดยสารหนึ่งคนและต่อการบินระยะ 100 กิโลเมตร การสั่งซื้อในครั้งนี้ถือเป็นความต้องการที่จะลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยเฉลี่ยแล้วเครื่องบินใหม่จะใช้น้ำมันเพียงแค่ 2.9 ลิตรต่อผู้โดยสารหนึ่งคนและต่อการบินระยะ 100 กิโลเมตร ถือว่าใช้พลังงานต่ำกว่าเครื่องบินรุ่นเก่าถึง 25% ซึ่งจะมีผลเชิงบวกต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
เครื่องบินโบอิ้ง 787-9 และเครื่องบินแอร์บัส A350-900 ที่ได้สั่งซื้อไปแล้วนั้น จะนำมาใช้แทนเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ โดยอีก 5 ปีข้างหน้า เครื่องบินระยะไกลจะได้รับการเปลี่ยนให้ทันสมัย เป็นไปได้ว่าจะสามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 500,000 เมตริกตันต่อปี และเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.5 ล้านเมตริกตัน
การให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
เครื่องบินใหม่เป็นเครื่องบินที่ประหยัดค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินรุ่นเก่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 20% นอกจากนี้ ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป จะลดความหลากหลายและซับซ้อนของฝูงบินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะยกเลิกการใช้เครื่องบิน 7 ประเภท ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายและลดขั้นตอนการบำรุงรักษาที่ซับซ้อน รวมถึงการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อมีการส่งมอบเครื่องบินระยะไกลเป็นที่เรียบร้อย บริษัทจะนำเสนอฝูงบินที่ทันสมัยที่สุดในโลกสู่ลูกค้า นั่นหมายถึงจะเพิ่มประสิทธิภาพความสะดวกสบายและความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้านั่นเอง
ขายเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ
ในที่ประชุมบอร์ดผู้บริหารที่ผ่านมา ยังได้แถลงถึงการขายเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ จากทั้งหมดจำนวน 14 ลำ โดยจะจัดจำหน่ายออกไปในปี พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2566 คู่สัญญาตกลงไม่เปิดเผยราคาในการซื้อขาย ซึ่งการขายครั้งนี้ไม่กระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มสายการบิน
ลุฟท์ฮันซ่า ตรวจสอบการทำกำไรของเครือข่ายเส้นทางบินทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจทำให้กลุ่มสายการบินต้องลดจำนวนเครื่องบินแอร์บัส A380 จาก 14 ลำ เหลือ 8 ลำ อีกทั้งโครงสร้างของเครือข่ายและฝูงบินระยะไกล ได้ปรับตามกลยุทธและแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันอีกด้วย ที่สำคัญจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของลุฟท์ฮันซ่านั่นเอง