เหล่าเทพศิลปะกราฟิตี จากย่านวินวูด เมืองไมอามี่ เยือนไทยแล้ว!

0
674
image_pdfimage_printPrint

เหล่าเทพศิลปะกราฟิตี จากย่านวินวูด เมืองไมอามี่ เยือนไทยแล้ว!

กรุงเทพ, กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562: – พบกับ Ruben Ubiera, Orgie (หรือที่รู้จักกันในนาม Le’ Creep) และ Golden สามเทพศิลปะกราฟิตี จากย่านวินวูด เมืองไมอามี่ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย พวกเขาได้รับเชิญให้มาเยือนกรุงเทพเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสุดเจ๋ง และพิเศษสุดสำหรับจัดการแสดงที่ Los Atico กับผลงานชิ้นใหม่ที่อยู่ ณ ชั้นบนร้าน คาลิ-เม็กซ์ บาร์ แอนด์ กริล, เม็กซิกันบาร์ ใจกลางสุขุมวิท ซอย 11

Orgie เกิด และเติบโตมาในไมอามี่ เขาหลงใหลใฝ่ฝันในศิลปะกราฟิตีตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้น ด้วยความคิดที่มีความกบฎในตัวและชอบใช้ชีวิตอย่างน่าหวาดเสียวของเขา จึงเป็นแรงขับให้เขาสร้างผลงานศิลปะเจ๋ง ๆ จากความบ้าระห่ำส่วนตัว เขาก็ค่อย ๆ เริ่มบรรจงวาดภาพบนฝาผนังในย่านวินวูด ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยศิลปะที่มีชีวิตชีวา อีกทั้งร้านอาหาร โรงเบียร์ และสถานที่แฮงก์เอ้าท์ เมื่อผู้คนเริ่มมีความนิยมและเห็นคุณค่าของกงานราฟิตี สิ่งนี้จึงได้ก้าวขั้นขึ้นมาหนึ่งในงานศิลปะที่แตกต่างจากครั้งก่อน ซึ่งผู้คนมักจะมองว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ Orgie ก็เริ่มมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยการพูดแบบปากต่อปากจากผู้คนบนท้องถนนและตามโซเชียลมีเดีย และเขาก็ได้แจ้งเกิดจริง ๆ ก็เมื่อตอนที่เขาได้สร้างผลงานให้กับ Ludacris แรปเปอร์ชาวอเมริกัน ในช่วงงานแสดงนิทรรศการ Art Basel

และนอกจากนั้นเขายังสร้างผลงานให้กับ Young Jeezy และ Fat Joe ซึ่งทั้งสองก็เป็นแรปเปอร์ชาวอเมริกันเหมือนกัน ความคิดของ Orgie ที่ว่า “สิ่งนี้แม้จะไม่ทำให้ผมไปเติบโตไปได้ แต่ผมก็ยังรักมัน” ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนนี้เขากลายเป็นศิลปินที่ถูกถามหาตามตัวมากที่สุดในไมอามี่

Ruben Ubiera ถูกโหวตให้เป็นศิลปินสตรีทที่อาร์ตยอดเยี่ยมที่สุดในไมอามี่ ปี 2016 เขาเกิดในสาธารณรัฐโดมินิกัน และเริ่มวาดภาพเป็นก่อนที่เขาจะเขียนหนังสือได้ ด้วยความที่เขาหลงใหลในศิลปะมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงได้ศึกษาต่อด้านกราฟิกดีไซน์และนิเทศศิลป์ ซึ่งได้ทุนอนุเคราะห์การศึกษาจาก Fernando Botero หลังจากเขาทำงานมา12 ปี ในองค์กรด้านศิลปะในตำแหน่ง ผู้กำกับศิลป์ มาหลายที่ เขาและน้องสาวก็ตกงาน แต่แล้วเขาก็ยังจำคำพูดของแม่ซึ่งล่วงลับไปแล้วได้ดี ว่า “แม่เชื่อว่าเขาจะสามารถเป็นศิลปินได้” เขาจึงเริ่มหันมาวาดภาพบนฝาผนัง โดยภาพแรกที่วาดคือภาพของแม่เขาเอง เขาเป็นศิลปินที่มีสไตล์แบบนีโอ-ฟิเกอเรทีฟ ซึ่งมีลายเส้นที่แข็งแรง การวาดกราฟิตีให้แรงบันดาลใจเขาทั้งในทางเทคนิค สุนทรียภาพ จิตรกรรมฝาผนังในเมือง ศิลปะสื่อผสมต่าง ๆ ล้วนรังสรรค์เพื่อแก้ไขสิ่งประดิษฐ์และวัตถุต่าง ๆ ให้ดูดีขึ้น ด้วยงานจิตรกรรมและการวาดภาพของเขา ด้วยสไตล์ที่อิสระของเขาจึงออกมาในสไตล์ Postgraffism ซึ่งหมายถึงการผสมผสานกันระหว่างศิลปะกราฟิตีกับศิลปะแบบเหนือจริง

Golden คู่ขางานของ Ruben Ubiera เขาคนนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับงานศิลปะใด ๆ มาก่อนที่จะมาทำงานร่วมกัน แต่ด้วยความกระตือรือร้นที่มากมายเมื่อเขาได้เห็น Ruben เพนต์งานตามผนังบนท้องถนน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่หยุดถาม Ruben เลยว่ามีอะไรที่เขาช่วยได้ไหม และเมื่อ Ruben ได้ตัดสินใจที่ให้ Golden มาช่วยงาน Golden ก็ออกจากงานประจำทันที ถึงแม้ว่า Golden จะไม่เคยจับกระป๋องสเปรย์มาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่เขาก็ช่วย Ruben ได้ดี ในเรื่องการทำกราฟิกบนคอมพิวเตอร์ พวกเขาทั้งคู่เข้ากันได้อย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่สามารถแยกจากกันได้ เพราะเขาทั้งคู่คือแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน ด้วยสไตล์และเทคนิคที่แตกต่างกัน

ศิลปินทั้งสามคนนี้อยู่ทางตอนใต้ของฟลอริด้าซึ่งมาจากชุมชนที่มีศิลปินคับคั่ง และเมื่อได้มาพบกัน ทุกคนต่างรู้ได้ทันทีว่า พวกเขาต้องได้มาเป็นพันธมิตรกันอย่างแน่นอน หลังจากพวกเขาได้เจอกัน และได้เห็นผลงานของกันและกัน Orgie เจอ Ruben วาดภาพเสือในงานการกุศลซึ่งช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและผู้ที่มีภาวะป่วยทางจิต ขณะที่ Golden ได้เจอกับ Ruben เพราะเขาชะงักกลางถนนเมื่อได้เห็นผลงานภาพวาดของเขาและต้องการที่จะคุยกับเจ้าของผลงานให้ได้ ในที่สุด พวกเขาจึงได้ร่วมมือกันสรรค์สร้างผลงานภาพวาดตามผนังในสเกลล์ที่ใหญ่ขึ้น เช่น ร้าน Tacocraft สาขาใหม่ ทางใต้ของไมอามี่ และทำงานให้กับ Nicolle Miller เพื่อวาดภาพบนผ้าใบที่นำไปประมูล ทางตะวันตก ชายหาดปาล์มบีช นอกจากนี้พวกเขายังมีผลงานใหม่ล่าสุด ที่ชายหาดเดียร์ฟิลด์ ที่สวนซัลลิแวนพาร์ค – เป็นศิลปะโมเสคในที่สาธารณะซึ่งมีระยะ 52 ฟุต (บนกำแพงที่ใหญ่ที่สุดในย่านวินวูด) ซึ่งอยู่ในสวนน้ำที่สำหรับเด็ก เป็นกำแพงที่ตกแต่งด้วยโมเสคที่ยาวที่สุดในฟลอริด้า

และกับงานศิลปะใน Los Atico ทั้งสามคนจึงได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ชิ้นงานแบบพื้นบ้านในเม็กซิโก ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากวัฒนธรรมทางศิลปะที่โดดเด่น จนถึงการไปเที่ยวร้านกาแฟที่คิวบาทำให้ได้พบศิลปินคนอื่น ๆ และได้เห็นเทคนิคกับวิธีการสร้างผลงานที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีวิธีการสกัดสีของชาวเม็กซิกัน ที่ได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันตอนทานอาหารกับเพื่อนเม็กซิกัน นอกจากนี้งานของพวกเขายังเกิดมาจากการที่พบเห็นสิ่งต่าง ๆ เช่น ตามรูปปั้น ประวัติศาสตร์การปฏิวัติ และอีกมากมาย ด้วยกฎเหล็กของคู่คิดทั้งสาม ที่เห็นตรงกันว่า “ต้องมีคอนเซปก่อนลงมือทำ” จึงตกผลึกเป็นผลงานที่มีสีสันที่สดใส และเกิดเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์แบบที่มีความเฉพาะตัวซึ่งสื่อสารออกมาเข้าใจได้อย่างเป็นสากล กราฟิตีสำหรับพวกเขาเปรียบเสมือนกับกอริลล่าตัวใหญ่ที่ไม่มีใครพูดถึงในแง่ของความแข็งแกร่งและมีพลัง และมักจะได้รับการกล่าวถึงเฉพาะในช่วงแรกที่ผลงานปรากฎต่อสายตาสาธารณชนเท่านั้น ศิลปินสามคนนี้จึงกลับไปที่ไมอามี่ เพราะพวกเขามีจุดยืนที่ชัดเจน ที่จะสร้างชิ้นงานที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นให้กับเมือง งานของพวกเขาจึงปรากฎอยู่ตามร้านอาหารและหน่วยงานต่าง ๆ และวันนี้ พวกเขากำลังจะนำผลงานเหล่านี้ออกไปโลดแล่นในมุมอื่นๆ ของโลก. Los Atico และ กรุงเทพมหานคร ค้นพบเพชรเม็ดงามทั้งสาม โชคดีมากที่ได้พบกับสุดยอดศิลปิน 3 คนนี้ ที่สื่อสารความคิดผ่านงานศิลปะกราฟิตี และสร้างผลงานตามเมืองใหญ่มาแล้ว วันนี้ขอเชิญทุกท่านพบกับงานศิลปะสุดพิเศษที่สร้างจากแรงบันดาลใจของชิ้นงานที่เกิดขึ้นในย่านวินวูด ซึ่งเป็นย่านศิลปะชื่อดังได้ที่ ร้าน Los Atico เม็กซิกัน บาร์ บน สุขุมวิท ซอย 11 ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 นี้

ติดตามผลงานได้ที่

Golden -IG: @golden305 | http://www.theartofgolden.com/ – เร็ว ๆ นี้ Ruben Ubiera – IG: @urbanruben | http://www.urbanpopsoul.com/
Orgie – IG: @lecreepofficial | http://www.iamorgieart.com/

Los Atico Bangkok

ที่อยู่: ชั้น 3 ของร้าน Cali-Mex Bar&Grill ซอยสุขุมวิท 11 กรุงเทพฯ 10110

โทร: 02-015-8100

เวลาเปิด-ปิด: 5 โมงเย็น to ตี 2, วันอังคาร – อาทิตย์, หยุดวันจันทร์
____________________________________________________

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ นฤมล ประภาวงษ์ เบอร์มือถือ 089 206 2066 / ปลา เบอร์มือถือ 085 661 7717