มูลนิธิเอสซีจีเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเหล่าฝีมือชน คนสร้างชาติ ให้มีโอกาสเรียนรู้ และเสริมสร้างทักษะฝีมือที่จะเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปพัฒนาตนเองให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล มูลนิธิฯ ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการสร้างคนด้วยการศึกษา โดยเฉพาะสายอาชีวะเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ จึงได้ร่วมสนับสนุนเยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 12 หรือ WorldSkills ASEAN Bangkok 2018 พร้อมนำนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ จำนวน 27 คน เข้าชมการแข่งขันเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ในการพัฒนาทักษะฝีมือของตนเองให้ก้าวหน้าและมีคุณภาพจนสามารถเข้าสู่สนามแข่งขันได้ในอนาคต
สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า มูลนิธิเอสซีจีได้สนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน โดยมอบทุนการศึกษา “Sharing the Dream Scholarship โดยมูลนิธิเอสซีจี” ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา ตลอดจนสร้างบุคลากรฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 โดยนักเรียนทุนฯ จะได้รับการพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างประสบการณ์ทั้งความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพ ตลอดจนการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เป็นทั้ง “คนเก่งและดี” ไม่เพียงเท่านี้ น้องๆ นักเรียนทุนฯ ยังมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในเชิงทักษะฝีมือ และทักษะความคิดผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาดูงานในสถานประกอบการ การสนับสนุนส่งเสริมให้น้องๆ เข้าแข่งขันในรายการต่างๆ รวมถึงการพานักเรียนทุนฯ ร่วมชมการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 12 ตลอดจนส่งเสริมให้น้องๆเป็นผู้มีจิตอาสา ทำประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยอาศัยทักษะฝีมือและความรู้ที่เรียนมาช่วยเหลือผู้อื่น
“ในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนครั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมสนับสนุนเยาวชนไทยเข้าแข่งขันด้วยการมอบทุนการศึกษาและดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนของการเก็บตัวฝึกซ้อมของน้องๆ จำนวน 9 คน ใน 3 สาขา ได้แก่ สาขาก่ออิฐ สาขาปูกระเบื้อง และสาขาประกอบอาหาร เพื่อให้น้องๆ ได้แสดงทักษะฝีมือช่างบนเวทีระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวต่างชาติ โดยทางมูลนิธิฯ ต้องขอแสดงความยินดีกับน้องๆ นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจีทุกคน ที่ได้รับรางวัลในการแข่งขันฯ ครั้งนี้ เพราะน้องๆ ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำการแข่งขันให้ออกมาดีที่สุด มูลนิธิฯ เชื่อว่าสิ่งสำคัญในการแข่งขันนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การได้รับรางวัล แต่เป็นความรู้และประสบการณ์มากกว่าที่น้องๆ จะได้รับจากการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน และในปีนี้ประเทศไทยของเราได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ จึงทำให้นักเรียนทุนฯ มีโอกาสได้เข้ามาชมการแข่งขันของตัวแทนในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะได้สัมผัสประสบการณ์ รวมทั้งเห็นสนามแข่งขันจริง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเรียน การฝึกฝนฝีมือของตนเองจนสามารถเข้าแข่งขันได้เหมือนอย่างรุ่นพี่ของพวกเขาต่อไป” สุวิมล กล่าว
เรามาพูดคุยกับน้องตัวแทนประเทศไทยที่เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 12 ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญทอง ในสาขาก่ออิฐ เริ่มกันที่ น้องปอนด์ นายตะวัน ชิดหอระดี นักเรียนชั้น ปวส.2 สาขาช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจีเล่าถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จแบบวันนี้ได้ ต้องขยันและตั้งใจฝึกซ้อม ประกอบกับการวางแผนที่ดีของทีมงาน ทำให้ผลการแข่งขันออกมาเป็นที่น่าพอใจ
“ระหว่างการแข่งขัน module ที่ 3 ผมจะมีความกังวลมาก เพราะโดนตัดเวลาไป 1 ชม. จึงกลัวว่าจะทำไม่เสร็จภายในเวลา ที่กำหนด และไม่เป็นไปตามแผนที่ผมกับทีมงานวางไว้ แต่ผมยังโชคดีที่มีทีมงานช่วยสนับสนุน เรามีการประชุมเมื่อเกิดปัญหา ทำให้ผมอุ่นใจ จนผมสามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี ผมต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคน รวมถึงเพื่อนๆ ที่เก็บตัวมาด้วยกัน และคนไทยที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ผม จนสามารถคว้ารางวัลในการแข่งขันครั้งนี้ครับ” น้องปอนด์ กล่าว
ด้าน น้องพลอย นางสาวพรรษมนต์ เมธีวัชรธนาภรณ์ นักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี เจ้าของรางวัลเหรียญทอง ในสาขาประกอบอาหาร ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ว่า ตอนแข่งขันตนรู้สึกตื่นเต้นมาก พบปัญหาเรื่องการจัดการบริเวณครัว เนื่องจากสถานที่ที่เราฝึกซ้อมมีขนาดที่เล็กกว่าสนามแข่งขันจริง ทำให้เรากังวลว่าอาจจะใช้พื้นที่ได้ไม่ทั่วถึง แล้วกรรมการอาจจะตัดคะแนนตรงนี้ ทำให้เกิดความกลัว แต่ตนเองพยายามที่จะมีสมาธิ และโฟกัสกับการทำอาหาร เพื่อให้เมนูที่ตนทำออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
“จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับรางวัล เพราะว่าเราทำพลาดหลายจุดทำให้โดนตัดคะแนน แต่เมื่อพิธีกรประกาศชื่อบนเวทีว่าได้รับรางวัลนะ เราเลยรู้สึกดีใจมากว่าตนเองสามารถทำได้แล้ว ถึงแม้จะโดนตัดคะแนนไปเยอะ แต่การแข่งขันในรายการนี้ตนมองว่า เรามาแข่งกับตัวเอง ไม่ได้แข่งกับใคร จึงพยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดให้เหมือนกับตอนที่ซ้อม ซึ่งพอเรามีสมาธิบวกกับมีความตั้งใจ ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ทำให้ยิ้มได้เลยค่ะ และหนูก็อยากส่งกำลังใจให้น้องๆ ที่กำลังฝึกฝนตัวเองอยู่ ให้ทุกคนตั้งใจและมุ่งมั่ง เพราะความสำเร็จคอยทุกคนอยู่ค่ะ” น้องพลอย กล่าว
ส่วน น้องบราวน์ นายกิตติมศักดิ์ มณีนิล นักเรียนชั้น ปวส.1 สาขาช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี ที่ได้รับรางวัลเหรียญฝีมือยอดเยี่ยม ในสาขาปูกระเบื้อง ได้เล่าถึงความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ว่าตนไม่เคยได้ลงสนามแข่งขนาดใหญ่ที่มีคนดูเยอะมากมาย เลยทำให้วันแรกของการแข่งขันเกิดอาการประหม่า แต่ซักพักก็เริ่มปรับตัวได้ แต่ก็แอบผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้คะแนนสูงติดอับดับ แต่ตนเองก็มีความภูมิใจที่คว้าเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมมาครอง เพราะถือเป็นเครื่องการันตีในฝีมือและมาตรฐานในการทำงาน
“ตอนแข่งจะพบปัญหาใหญ่ที่หน้างาน เนื่องจากกำแพงปูนไม่เรียบ ทำให้ต้องใช้เวลาไปกับการฉาบปูน เพื่อปรับให้พื้นผิวเรียบ จึงจะสามารถปูกระเบื้องได้ แผนที่วางไว้ตอนแรกเลยไม่เป็นอย่างที่คิด และปูนไม่เซ็ตตัวอย่างที่คิดไว้ จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาด แต่ผมก็สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันเวลา ถือว่าจุดนี้เป็นประสบการณ์ในการแข่งขันที่จะทำให้ผมรอบคอบ และละเอียดมากกว่านี้ในการแข่งขันครั้งต่อไปครับ” น้องบราวน์ กล่าว
นอกจากน้องๆ นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี ทั้ง 3 คน ยังมีน้องๆ ที่ได้รับรางวัลในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 12 ไม่ว่าจะเป็น นายภูมิน หิรัญสุนทร จากวิทยาลัยดุสิตธานี ได้รางวัลเหรียญทองแดง สาขาประกอบอาหาร และนายนันทวัฒน์ วุฒิวัย จากวิทยาลัยเทคนิคชุมพร ได้รางวัลเหรียญฝีมือยอดเยี่ยม สาขาก่ออิฐ
ด้านนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติที่ได้ร่วมชมการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนอย่าง น้องแนน นางสาวอริสา พรรณมณีลักษณ์ นักศึกษาชั้น ปวช.2 สาขาเครื่องจักรอัตโนมัติ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ จ.ชลบุรี ได้เล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมชมงานครั้งนี้ว่า ตนเองรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาชมการแข่งขันในครั้งนี้ทำให้ได้แรงบันดาลใจกลับไปมากมาย เนื่องจากตนเองก็ใกล้ที่จะลงแข่งขันแล้ว และรายการนี้ทำให้ตนได้เห็นความมุ่งมั่นในการเข้าแข่งขัน เลยตั้งใจว่า จะต้องทำให้ได้แบบพวกพี่ๆ เหล่านี้บ้าง
“ถึงแม้ตอนนี้จะเรียนอยู่ชั้น ปวช. และประสบการณ์ในการลงแข่งขันยังน้อยอยู่ แต่หลังจากได้ชมการแข่งวันนี้ รู้สึกมีพลังและแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้น ซึ่งตัวหนูมีความฝันที่อยากเป็นวิศวกร หรือนักสร้างหุ่นยนต์เคลื่อนที่ เพราะชื่นชอบในหุ่นยนต์ และทุกครั้งที่ได้ลงแข่งขัน หรือไปเข้าค่ายเกี่ยวกับการทำหุ่นยนต์ หนูก็จะมีความสุขมาก ซึ่งหนูก็อยากนำแรงบันดาลใจที่ได้รับจากงานวันนี้ กลับไปพยายามฝึกฝน และนำความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากอาจารย์และรุ่นพี่ที่เคยมีประสบการณ์ นำมาพัฒนาตนเองต่อไป สำหรับในอนาคตหนูก็อยากจะเป็นตัวแทนประเทศไทย เพื่อเข้าแข่งขันฝีมือแรงงานเหมือนพี่ๆ คนอื่นค่ะ” น้องแนน กล่าว
ปิดท้ายกันที่ น้อย – นายปารเมศ สายสุทธิ นักศึกษาชั้น ปวช.2 สาขาอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีพงษ์สวัสดิ์ กล่าวถึงการมาร่วมกิจกรรมว่า การที่ได้มาดูการแข่งขันฝีมือแรงงานในครั้งนี้ ทำให้ตนเองได้รู้เกี่ยวกับการทำงานในครัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ตนกำลังศึกษาอยู่ในสาขาอาหารและโภชนาการ จึงทำให้รู้สึกสนุก และตื่นเต้นเป็นพิเศษ และความรู้ที่ได้เห็นจากการได้ชมการแข่งขันอย่างติดขอบเวที ทำให้สามารถเห็นระบบการทำงานแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าระบบการจัดการในครัว การเก็บส่วนผสมที่เป็นของสดซึ่งต้องแช่เย็นทุกครั้งหลังจากเตรียมอาหารเสร็จ หรือแม้แต่เรื่องความสะอาด การแต่งกายของทุกคนจะต้องดูสะอาด ทรงผมเก็บให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้หล่นลงไปในขณะที่เรากำลังทำอาหาร
“ผมกำลังอยู่ในช่วงการเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเข้าแข่งขันในการทำอาหาร ซึ่งผมก็จะนำความรู้และตัวอย่างการทำงานของพี่ๆ ที่ผมได้เห็นอย่างใกล้ชิดในวันนี้ กลับมาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาและฝึกซ้อม เพื่อให้ทำผลงานออกมาได้ดี และที่น่าพอใจ ซึ่งถ้าผมตั้งใจฝึกฝน ผมคิดว่าปีหน้าผมน่าจะได้รับโอกาสดีๆ แบบพวกพี่ๆ เพื่อเข้าแข่งขันเป็นตัวแทนของประเทศต่อไปครับ” น้อย กล่าว
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มูลนิธิฯ หวังจะสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้น้องๆ เหล่าอาชีวะฝีมือชน ได้มีโอกาสเพิ่มพูนทักษะฝีมือ และสั่งสมประสบการณ์ เพื่อยกระดับฝีมือคนไทยให้เป็นฝีมือชนคุณภาพ พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในยุคไทยแลนด์ 4.0 ต่อไป