ECF เปิดโรดแมพ 3 ปี ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ รายได้แตะ 2,000 ล้านบาท

0
400
image_pdfimage_printPrint

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการกำหนดแผนธุรกิจ 3 ปี (2561-2563) ตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 10-12% โดยคาดว่าในปี 2563 บริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาทสำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และมีสัดส่วนกำไร แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ เฟอร์นิเจอร์ 35% ธุรกิจพลังงาน 35% % บริษัทย่อย Planet Board 30% ซึ่งขณะนี้ Planet Board ที่บริษัทเข้าถือหุ้น 57% อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนและเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ และไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาทหรือโตไม่ต่ำกว่า 10-12 % รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 5-6 % ตั้งงบลงทุนอยู่สำหรับก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ และนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิต เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลงอย่างต่อเนื่อง

บริษัทกำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการหาแนวทางสร้างกำไร ลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการให้ลดลง

โดยแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยจะใช้แบรนด์ COSTA ในการรุกตลาด ผ่านช่องทางร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาค และบริษัทยังมีโอกาสสร้างการเติบโตของยอดขายจากออร์เดอร์ที่มากขึ้นตามการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรด ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทยังคงได้รับออเดอร์จากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นที่ 10% จากเดิม 5% อีกทั้งธุรกิจพลังงาน จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเป็นปีที่เห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ชัดเจนขึ้นจากปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส ได้เริ่ม COD และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/60 จำนวน 6.7 ล้านบาท ไตรมาส 4/60 ที่ผ่านมา จำนวน 8.8 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ได้ในเดือน เม.ย. 61 และ ธ.ค. 61 ตามลำดับ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ขนาด 220MW ประเทศเมียนมาร์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้ด้วย ล่าสุดได้นำเข้าแผงโซลาร์สำหรับ 50 MW แรกครบแล้ว อยู่ระหว่างรอการติดตั้งเมื่อก่อสร้างเฟส 1 แล้วเสร็จ จะดำเนินการก่อสร้างเฟส 2 ต่อทันที นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายโครงการ

“บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน ทั้งรายได้จากธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ คาดว่าจะเติบโตที่ 10-12 % ประกอบกับรายได้ต่าง ๆ ที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้จากบริษัทย่อย บริษัทร่วม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายอารักษ์ กล่าว