ติวเข้ม พนง. ตรวจแรงงาน 22 จว. ทะเล บังคับใช้ กม. คุ้มครองสิทธิลูกจ้างประมง

0
382
image_pdfimage_printPrint

ก.แรงงาน จับมือ ILO ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เสริมความเข้มแข็งการตรวจแรงงานและการกำกับดูแลกิจการประมงและแปรรูปอาหารทะเล แก้ไขปัญหาแรงงาน ขจัดการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และการค้ามนุษย์
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุม
เชิงปฏิบัติการการตรวจแรงงานและการกำกับดูแลกิจการประมงและแปรรูปอาหารทะเล โครงการต่อต้านรูปแบบการทำงานที่ไม่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมประมงและอาหารทะเล (Ship to Shore Rights) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ณ โรงแรมอมารี วอร์เตอร์เกท ว่า รัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน โดยการบังคับ
ใช้กฎหมายและการดำเนินคดีอย่างจริงจัง ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อให้การดำเนินการและบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารการจ้างงานดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 2561 พร้อมจัดระบบข้อมูลแรงงานต่างด้าวอยู่ในฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ได้รับสิทธิและความคุ้มครองที่เป็นธรรม รวมทั้งได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เมื่อมีฐานข้อมูลเดียวกันแล้วแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถเข้ามาใช้งานด้วยกันได้ อาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังได้ขับเคลื่อนการดำเนินการในทุกมิติเพื่อปรับปรุงยกร่างกฎหมาย ฉบับที่ 29 ว่าด้วยการต่อต้านแรงงานบังคับ และฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคการประมง เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศด้วย
การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้ให้กับพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ติดทะเล 22 จังหวัด ได้มีหลักวิธีคิดในการตรวจแรงงาน สร้างโอกาสให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของการทำงานของตนเอง สามารถนำหลักวิธีการทำงานไปปรับใช้ในกระบวนการตรวจแรงงาน และร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวความคิดไปสู่การบังคับใช้กฎหมายแรงงานเพื่อให้การปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวเป็นที่ยอมรับของนานาชาติด้วย