3 กรมจับมือหนุนตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ หวังส่งเสริมการออมและแก้หนี้นอกระบบ

0
273
image_pdfimage_printPrint

การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นในสถานประกอบการ นับเป็นสวัสดิการอีกรูปแบบหนึ่งที่จะสามารถดูแลพนักงานและผู้ใช้แรงงาน ได้มีแหล่งออมเงินและเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและในยามที่จำเป็นต้องใช้จ่ายในครอบครัว
มหกรรมส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการและรัฐวิสาหกิจ ได้ถูกจัดขึ้น
เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา โดยผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าร่วมเสวนาให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องแนวทางการจัดตั้งสหกรณ์ในสถานประกอบการ และได้เชิญผู้แทนสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในการบริหารงานมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์สหกรณ์ในสถานประกอบการเพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานมากยิ่งขึ้น
ต่อมาได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน โดยมีเป้าหมายที่จะประสานความร่วมมือในการผลักดันให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการออมเงินของผู้ใช้แรงงานผ่านระบบสหกรณ์ และการพัฒนาสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการและรัฐวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสนับสนุน และดำเนินการให้สถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ จัดสวัสดิการแรงงานด้วยวิธีการสหกรณ์ ว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน โดยการสนับสนุนจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ นับเป็นสวัสดิการแรงงานที่นายจ้างและลูกจ้างจะร่วมมือกันจัดให้มีขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมอย่างเป็นระบบ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงิน แก้ปัญหาหนี้นอกระบบของลูกจ้างได้เป็นอย่างดี
การร่วมมือในครั้งนี้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จะรับหน้าที่ประสานกับสถานประกอบกิจการในพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์และสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานเป็นทุนเริ่มต้นในการจัดตั้ง พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้เห็น ถึงความสำคัญของการนำระบบสหกรณ์มาเป็นสวัสดิการให้กับผู้ใช้แรงงาน
ขณะที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะมีหน้าที่ให้ความรู้เรื่องสหกรณ์ รวมถึงรับจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์ในสถานประกอบการ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปคอยให้คำแนะนำกำกับดูแลสหกรณ์ให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายสหกรณ์ และพัฒนาสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นในสถานประกอบการให้มีระบบการบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ส่วนกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ที่จัดตั้งในสถานประกอบกิจการให้ดำเนินกิจการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
“อดีตที่ผ่านมา ในสถานประกอบการมีบุคคลากรที่เป็นผู้ใช้แรงงานเป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งพบว่าเป็นหนี้นอกระบบที่ค่อนเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเมื่อคำนวณอย่างคร่าวๆ เป็นจำนวนเงินถึง 130,000 ล้านบาท ทางกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งดูแลสถานประกอบการ ต้องการแก้ไขปัญหานี้ จึงขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมเพื่อแก้ไข โดยกรมฯ
จะส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ในสถานประกอบการ และให้มีการเชื่อมโยงกิจการของสหกรณ์อื่นๆ ให้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาผู้ใช้แรงงาน เพื่อให้มีสวัสดิการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการดูแลในเรื่องของระเบียบและข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้สหกรณ์ในสถานประกอบการ มีความเข้มแข็งและให้เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้สภาพเศรษฐกิจของผู้ใช้แรงงานดีขึ้น” นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว เพิ่มเติมด้วยว่า เนื่องจากกลไกสหกรณ์สามารถทำให้เกิดความเข้มแข็ง ในด้านการออมให้เป็นระบบมากขึ้น บนพื้นฐานของความสามัคคีและความจริงใจระหว่างกัน รวมทั้งจะส่งเสริมสนับสนุนให้มีการน้อมนำแนวพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต อันจะช่วยให้หนี้นอกระบบในสถานประกอบการลดน้อยลง ก่อเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการในสถานประกอบการเพิ่มมากขึ้น และยกระดับเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบันสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 540 แห่ง มีลูกจ้างเป็นสมาชิก 649,958 คน นอกจากนี้ยังมีกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือลูกจ้างโดยกู้ผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ ซึ่งมีสหกรณ์ให้บริการเงินกู้กองทุน 251 สัญญา เป็นเงิน 1,918,370,000 บาท สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ แล้ว 217,041 คน โดยในปี 2560 กำหนดเป้าหมายจัดตั้งสหกรณ์ในสถานประกอบการเพิ่มขึ้นอีก 30 แห่ง พื้นที่เป้าหมายเน้นพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และระยอง หรือโรงงาน ที่มีความสนใจก็สามารถแจ้งความประสงค์ในการขอจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์กับทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดได้ทุกแห่งทั่วประเทศ